Our View? “พักบ้างอะไรบ้าง”

คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,618 / 1,612 และแนวต้านที่บริเวณ 1,627 / 1,635 คาดตลาดจะแกว่งตัวเพื่อรอดู 1.) การรายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ต.ค. ของสหรัฐสหรัฐ คาดจะออกมาที่ระดับ +7.9% YoY ต่ำกว่าเดือนก่อนหน้าที่ระดับ +8.2% YoY แม้ยังอยู่ในระดับสูงแต่เริ่มชะลอตัวลงบ้างแล้ว คาดจะเป็นตัวกําหนดแนวโน้มและทิศทางเกี่ยวกับการใช้นโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ได้ในระยะถัดไป โดยล่าสุดตลาดคาดการณ์ว่า FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 0.50% ในเดือน ธ.ค. และจะเริ่มคงอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับสูงทั้งปี’66 2.) รอดูผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐ แม้เรามองว่าพรรครีพับลิกันจะสามารถครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ แต่ยังต้องติดตามความชัดเจนเกี่ยวกับเสียงข้างมากในสภาคองเกรส ซึ่งหากพรรครีพับริกันสามารถครองเสียงข้างมากได้ทั้ง 2 สภา เรามอง ปธน. โจ ไบเดน มีโอกาสออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ยากล่าบากมากขึ้น เป็น Noise เข้ารบกวนตลาดได้บ้างในระยะสั้น 3.) ความผันผวนในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี จากรายงาน Binance อาจตัดสินใจยกเลิกข้อตกลงในการเข้าซื้อกิจการ FTX หลังราคาเหรียญ FTT ปรับตัวลงในช่วงก่อนหน้า จากความกังวล FTX อาจเผชิญปัญหาเกี่ยวกับสภาพคล่อง และเข้าสู่กระบวนการล้มละลาย เป็นจิตวิทยาเชิงลบต่อหุ้นสหรัฐเมื่อคืนนี้

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค. เมื่อคืนนี้ปรับตัวลงแรง ปิดที่ระดับ 85.83 ดอลลาร์/บาร์เรล -3.08 ดอลลาร์ (-3.46%) หลัง EIA เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.92 ล้านบาร์เรล สวนทางจากที่ตลาดคาดจะลดลงราว 6.67 แสนบาร์เรล ขณะที่ราคานํ้ามันยังคงได้รับแรงกดดันจากการที่จีนแถลงยืนยันการใช้มาตรการควบคุม COVID-19 ต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าทางการจีนจะยังคงใช้มาตรการเข้มงวดเพื่อควบคุม COVID-19 ต่อไป จากการที่จีนเริ่มมีการแพร่ระบาดของ COVID-19 อีกครั้ง โดยเรายังคาดว่ากระบวนการในการเปิดประเทศของจีนจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป คาดจะกดดันทิศทางราคา พลังงาน-หุ้นในกลุ่มปิโตรเคมีจากที่ปรับตัวขึ้นรับความหวังในการเปิดประเทศของจีนไปก่อนหน้า

สำหรับปัจจัยในประเทศเรามีมุมมองเชิงบวกต่อการแข็งค่าของค่าเงินบาทล่าสุดอยู่ในระดับต่ำกว่า 37.00 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ตามทิศทางการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ และดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยในช่วงเดือน ก.ย. เริ่มกลับมาเกินดุลอีกครั้ง ตามทิศทางเศรษฐกิจไทยที่เริ่มฟื้นตัวชัดเจนมากขึ้น ขณะที่ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ต.ค. ออกมา +5.98% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดเล็กน้อยที่ราว 6.00% และต่ำกว่าเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 6.41% สะท้อนอัตราเงินเฟ้อไทยเริ่มชะลอตัวลงแล้ว และคาดอาจผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ตั้งแต่เดือน ส.ค. ที่ผ่านมาที่ระดับ 7.86% เสริมคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในช่วง 4Q′65 คาดฟื้นตัวขึ้นได้ดี จากภาคการท่องเที่ยวที่เข้าสู่ช่วง High Season และการบริโภคภายในประเทศ ขณะที่ตัวเลขการจ้างงาน 3Q′65 ของไทยเริ่มฟื้นตัวขึ้น +2.1% YoY สะท้อนตลาดแรงงานฟื้นตัวขึ้น หนุนทิศทางเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นได้ต่อ เป็นปัจจัยบวกกระตุ้นความคาดหวังกระแสเงินทุนต่างชาติ (Fund Flow) ไหลเข้าต่อเนื่อง หนุนหุ้นในกลุ่ม Big Cap. ได้อยู่

ทั้งนี้เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง (HMPRO, GLOBAL, DOHOME และ TASCO) และหุ้นในกลุ่มค้าปลีก (CPALL, CRC, MAKRO และ BJC) จากแนวโน้มการออกจบเยียวยาน้ำท่วมหลังสถานการณ์ดังกล่าวเริ่มผ่อนคลายลง รวมทั้งแนวโน้มการออกมาตรการรัฐอาทิช็อปดีมีคืนในช่วงปลายปี คาดจะหนุนทิศทางราคาฟื้นตัวกลับขึ้นได้ต่อ ขณะที่เรามีมุมมองเชิงบวกต่อการที่ Bloomberg รายงาน BIGC Supercenter เตรียมพิจารณาเสนอขาย IPO เพื่อระดมทุนมากกว่า 1.87 หมื่นล้านบาทในช่วงปีหน้า คาดจะหนุนแรงเก็งกำไรใน BJC ได้โดดเด่น ทั้งนี้เราแนะนำระมัดระวังแรงขายลดความเสี่ยงหุ้นในกลุ่มการเงิน (MTC, SAWAD และ TIDLOR) หลังเห็นสัญญาณาคุณภาพสินทรัพย์มีโอกาสที่ปรับลดลงได้อีก การแข่งขันในอุตสาหกรรมเพิ่มสูงขึ้น และทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นส่งผลกระทบต่อ NIM

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนําวันนี้ “DOHOME”

กลยุทธ์ แนวรับ 13.00 / 12.70 Target 14.30 / 15.70 Stop <12.50

- Advertisement -