Our View? “เหนื่อยไปก็พัก”

คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,630 / 1,622 และแนวต้านที่บริเวณ 1,640 / 1,650 คาดตลาดแกว่งตัวปรับฐานบ้างเล็กน้อย หลังเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นได้ดีตามความหวังธนาคารกลางสหรัฐ (FED) มีโอกาสชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยในระยะถัดไป และอาจจะเริ่มทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วง 3Q-4Q′66 หลังตัวเลขราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ต.ค. อ่อนตัวลงสู่ระดับ 7.7% ต่ำกว่าที่ตลาดคาด บ่งชี้สถานการณ์เงินเฟ้อในสหรัฐเริ่มชะลอตัวลงและทิศทางเงินเฟ้อสหรัฐผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ขณะที่ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ เดือน พ.ย. ออกมาอยู่ที่ระดับ 54.7 ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง และต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ อีกทั้งผลการเลือกตั้งกลางเทอม สหรัฐล่าสุดการนับคะแนนที่นั่งในวุฒิสภาออกมาเท่ากันที่ 4949 ส่งผลให้พรรคเดโมแครตมีแนวโน้มคุมเสียงข้างมากในวุฒิสภาต่อไป จากการที่ ปธน. มีอำนาจในการโหวต 1 เสียง กรณีที่ผลการลงมติออกมามีคะแนนเท่ากัน ขณะที่พรรครีพับลิกันคาดจะสามารถครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนฯ ได้ ทำให้เราคาดว่าการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐในช่วงปีหน้าอาจเผชิญความยากลำบากมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในภาวะอ่อนแอและเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอยอีกครั้ง คาดจะเป็นปัจจัยกดดันให้ FED อาจต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเร็วกว่าที่ตลาดคาดไว้ โดยล่าสุด CME FED Watch Tools บ่งชี้ตลาดคาดการณ์ว่า FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.50% ในเดือน ธ.ค. ก่อนจะปรับลดระดับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 0.25% อีก 2 ครั้ง ในช่วงปีหน้า และจะคงอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับไม่เกิน 5.00% ต่ำกว่าคาดการณ์ก่อนหน้า คาดจะยังเป็นปัจจัยหนุนทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้อยู่ อีกทั้งยังเป็นแรงกดดัน Dollar Index อ่อนตัวลงต่อ โดยล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 106.4+/-หนุนตลาดยังคงอยู่ในภาวะ Risk-on ได้ต่อ

อย่างไรก็ตาม เรายังคงแนะนำติดตามความผันผวนของตลาด Cryptocurrency จากการที่บริษัท FTX บริษัท ซื้อขาย Cryptocurrency รายใหญ่ เข้าสู่กระบวนการล้มละลาย หลัง Binance ถอนตัวจากข้อตกลงซื้อกิจการส่งผลให้ราคาของสินทรัพย์ดิจิทัลปรับตัวลงอีกครั้ง เป็นจิตวิทยาเชิงลบต่อทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงบ้างเพียงเล็กน้อย แต่คาดอาจไม่ส่งผลต่อทิศทางตลาดหุ้นไทย

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ธ.ค. เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาฟื้นตัวขึ้นปิดที่ระดับ 88.96 ดอลลาร์/บาร์เรล +2.49 ดอลลาร์ (+2.88%) ได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐต่อ ขณะที่ทางการ จีนประกาศเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุม COVID-19 อีกครั้ง โดยการลดระยะเวลาการกักตัวของผู้เดินทางต่างประเทศ เป็นปัจจัยหนุนทิศทางราคาน้ำมัน-หุ้นในกลุ่มพลังงานทรงตัวได้ต่อ

สำหรับปัจจัยในประเทศสัปดาห์นี้แนะนำติดตามการประชุม APEC คาดอาจเห็นความร่วมมือทางเศรษฐกิจในกลุ่ม APEC มากขึ้น มองเป็นปัจจัยเชิงบวกหนุนทิศทางเศรฐกิจไทยในช่วงปีหน้าฟื้นตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง อีกทั้งเรามีมุมมองเชิง บวกต่อการแข็งค่าของค่าเงินบาทล่าสุดอยู่ในระดับ 36.0 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ +/- ตามทิศทางการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ และดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยในช่วงเดือน ก.ย. เริ่มกลับมาเกินดุลอีกครั้ง ตามทิศทางเศรษฐกิจไทยที่เริ่มฟื้นตัว ชัดเจนมากขึ้น ขณะที่ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ต.ค. ออกมา +5.98% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดเล็กน้อยที่ราว 6.00% และต่ำกว่าเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 6.41% สะท้อนอัตราเงินเฟ้อไทยเริ่มชะลอตัวลงแล้ว และคาดอาจผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว เสริมคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในช่วง 4Q′65 คาดพื้นตัวขึ้นได้ดี อากภาคการท่องเที่ยวที่เข้าสู่ช่วง High Season และการบริโภคภายในประเทศ เป็นปัจจัยบวกกระตุ้นความคาดหวังกระแสเงินทุนต่างชาติ (Fund Flow) ไหลเข้าต่อเนื่อง หนุนหุ้นในกลุ่ม Big Cap. ได้อยู่

ทั้งนี้เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง (HMPRO, GLOBAL, DOHOME และ TASCO) และหุ้นในกลุ่มค้าปลีก (CPALL, CRC, MAKRO และ BJC) จากแนวโน้มการออกจบเยียวยาน้ำท่วมหลังสถานการณ์ดังกล่าว เริ่มผ่อนคลายลง รวมทั้งแนวโน้มการออกมาตรการรัฐอาทิช็อปดีมีคืนในช่วงปลายปี คาดจะหนุนทิศทางราคาฟื้นตัวกลับขึ้นได้ต่อ อย่างไรก็ดี เราแนะนำระมัดระวังแรงขายลดความเสี่ยงหุ้นในกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์หลังมีความกังวลเกี่ยวกับการชำระราคาจากการปรับตัวลงแรงของหุ้น MORE คาดอาจเกิดแรงขายลดความเสี่ยงระยะสั้นออกมาได้บ้าง

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนําวันนี้ “MAKRO”

กลยุทธ์ แนวรับ 35.50 / 35.00 Target 38.25 / 40.00 Stop <33.75

- Advertisement -