บล.บัวหลวง: 

Refining & Chemical – ค่าการกลั่นปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง แต่ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง (NEUTRAL)

ค่าการกลั่นปรับตัวเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา หนุนโดยส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ทุกปะเภทที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ในขณะที่ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีปรับตัวลดลงเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากอุปสงค์ในภูมิภาคที่ชะลอตัว และอุปทานที่มีจำนวนมาก ทั้งนี้เรายังคงชอบ TOP และ IVL มากที่สุด

การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อการฟื้นตัวของอุปสงค์ และโควต้าการส่งออกผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปของประเทศจีน ซึ่งจะเพิ่มอุปทานในตลาดเป็นปัจจัยที่น่าจับตามอง เนื่องจากอาจกดดันค่าการกลั่นให้ปรับตัวลดลง ในทางกลับกันการผ่อนคลายมาตรการ Zero-COVID ของจีนจะเป็นปัจจัยหนุนอุปสงค์น้ำมันสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี รวมทั้งค่าการกลั่นและส่วนต่างราคาปิโตรเคมี นอกจากนั้นเนื่องจากปัจจุบันเป็นช่วงพีคซีซั่นของพายุเฮอริเคน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของโรงกลั่น นอกจากนี้ฤดูกาลปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในฤดูใบไม้ร่วงได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ปัจจัยเหล่านี้อาจส่งผลให้อุปทานตึงตัวและหนุนค่าการกลั่นให้ปรับตัวดีขึ้น

เรายังคงชอบ TOP มากที่สุดในหุ้นกลุ่มโรงกลั่น เนื่องจากการเป็นผู้ผลิตที่มีประสิทธิภาพด้านต้นทุนการผลิต ซึ่งจะส่งผลให้กำไรมีความไวต่อการปรับตัวสูงขึ้นของค่าการกลั่น และเรายังคงชอบ IVL มากที่สุดในกลุ่มปิโตรเคมี  เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตแข็งแกร่งของกําไรหลักปี 2565 รวมทั้งมีอัพไซต์ต่อแนวโน้มการเติบโตระยะยาวจากการลงทุน และ/หรือ การเข้าซื้อกิจการใหม่

ค่าการกลั่นปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง WoW

ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องอีก 2.92 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 7.48 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หนุนโดยส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ทุกปะเภทที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น อุปสงค์ในเอเชียที่แข็งแกร่งขึ้นและสต็อกในสิงคโปร์และสหรัฐอเมริกาที่ลดลง ส่งผลให้ส่วนต่างราคาก๊าซโซลีนปรับตัวขึ้น 4.15 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 11.85 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล (ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อ SPRC มากที่สุด) นอกจากนี้กิจกรรมการเดินทางทาง อากาศที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก, อุปสงค์ในภูมิภาคที่แข็งแกร่ง, และสต็อกในสิงคโปร์ที่ลดลง ส่งผลให้ส่งผลให้ส่วนต่างราคาน้ำมันเครื่องบินและส่วนต่างราคาดีเซลปรับตัวขึ้น 4.48 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 36.22 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และ 0.90 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 42.40 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ตามลำดับ (ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อ TOP มากที่สุด) นอกจากนี้ต้นทุนน้ำมันดิบที่ลดลงและอุปสงค์ในตลาดจรที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ส่วนต่างราคาน้ำมันเตาที่มีส่วนผสมของกํามะถันในระดับสูงปรับตัวขึ้น 1.91 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ -22.59 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล (ยังคงแย่กว่าระดับปกติในช่วงก่อน IM02020 ที่ติดลบ -4 -5 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลค่อนข้างมาก)

ส่วนต่างราคาเอธิลีนและส่วนต่างราคาโพรพิลีนปรับตัวเพิ่มขึ้น WoW

แรงซื้อในภูมิภาคที่ทรงตัวส่งผลให้ราคาเอธิลีนทรงตัว WoW อยู่ที่ 855 เหรียญสหรัฐ/ตัน ในขณะที่อุปสงค์ในภูมิภาคที่ปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้ราคาโพรพิลีนปรับตัวขึ้น 10 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 825 เหรียญสหรัฐ/ตัน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบแนฟทาปรับตัวลง 3 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 678 เหรียญสหรัฐ/ตัน ส่วนต่างราคาเอธิลีนจึงปรับตัวขึ้น 3 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 177 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อ PTTGC มากที่สุด) และส่วนต่างราคาโพรพิลีนปรับตัวขึ้น 13 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 147 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อ IRPC มากที่สุด)

ส่วนต่างราคา HDPE และส่วนต่างราคา PP ปรับตัวลดลง WoW

ต้นทุนวัตถุดิบแนฟทาที่ปรับตัวลดลง และอุปสงค์ในเอเชียที่ชะลอตัวส่งผลให้ราคา HDPE และราคา PP ปรับตัวลง 30 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 1,000 เหรียญสหรัฐ/ตัน และ 40 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 940 เหรียญสหรัฐ/ตัน ตามลำดับ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบแนฟทาปรับตัวลงช้ากว่าราคาผลิตภัณฑ์ ส่งผลให้ส่วนต่างราคา HDPE เทียบกับแนฟทาปรับตัวลง 27 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 322 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงลบต่อ PTTGC มากที่สุด) และส่วนต่างราคา PP ปรับตัวลง 37 เหรียญ สหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 262 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงลบต่อ IRPC มากที่สุด)

ส่วนต่างราคา MEG และส่วนต่างราคา PVC ปรับตัวลดลง WoW

อุปทานที่มีจํานวนมากและราคาวัตถุดิบร่วม PTA ที่ปรับตัวลดลง ส่งผลให้ราคา MEG ปรับตัวลง 10 เหรียญ สหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 455 เหรียญสหรัฐ/ตัน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากต้นทุนเอธิลีนทรงตัว ส่งผลให้ส่วนต่างราคา MEG ปรับตัวลง 10 เหรียญสหรัฐ WoW ไปอยู่ในแดนลบที่ -84 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงลบต่อ PTTGC มากที่สุด) ในขณะที่แรงซื้อในเอเชียที่ชะลอตัวส่งผลให้ราคา PVC ปรับตัวลง 10 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 800 เหรียญสหรัฐ/ตัน เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบเอธิลีนทรงตัว ส่งผลให้ส่วนต่างราคา PVC ปรับตัวลง 10 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 373 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงลบต่อ PTTGC มากที่สุด)

คาดค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น YoY และ QoQ ในไตรมาส 4/65

อุปสงค์ในวงกว้างสำหรับน้ำมันสำเร็จรูปมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น YoY ต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 4/65 นอกจากนี้อุปสงค์น้ำมันดีเซลและน้ำมันเตาที่มีส่วนผสมของกำมะถันในระดับสูง คาดว่าจะเพิ่มขึ้น QoQ ในไตรมาส 4/65 หนุนโดยอุปสงค์ตามฤดูกาลที่สูง และอุปสงค์การเปลี่ยนการใช้ก๊าซเป็นน้ำมัน นอกจากนี้ อุปสงค์นํ้ามันเครื่องบินทั่วโลกคาดว่าจะเพิ่มขึ้น QoQ ในช่วงเวลาเดียวกัน สอดคล้องกับการผ่อนคลายข้อจํากัดการเดินทาง จากมุมมองด้านอุปทาน การปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในฤดูใบไม้ร่วง, อุปทานที่ลดลงจากรัสเซีย, และสต็อกน้ามันที่อยู่ในระดับต่ำจะเป็นปัจจัยที่จำกัดอุปทานต้นทุนน้ำมันดิบ (พรีเมี่ยมของน้ำมันดิบ) มีแนวโน้มที่จะลดลง QoQ ในไตรมาส 4/65 ตามทิศทางของราคาน้ำมันดิบ ดังนั้น เราจึงคาดว่าค่าการกลั่นจะขยายตัว YoY และ QoQ ในไตรมาส 4/65

หากการเริ่มดำเนินงานเชิงพาณิชย์ของโรงกลั่นใหม่ไม่เป็นไปตามแผน หรือมีการหยุดโรงกลั่นโดยไม่ได้วางแผนล่วงหน้า (สาเหตุจากไฟไหม้, สงคราม, ภัยธรรมชาติ เป็นต้น) จะส่งผลให้อุปทานตึงตัว อาจเป็นอัพไซต์ต่อค่าการกลั่น  ในทางกลับกันหากอัตราการติดเชื้อกลับมาเพิ่มสูงขึ้น อุปสงค์ปิโตรเลียมจะถูกกดดันอีกครั้ง ซึ่งอาจจํากัดการฟื้นตัวของค่าการกลั่น

ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีส่วนใหญ่มีแนวโน้มปรับตัวลง YoY และทรงตัว QoQ ในไตรมาส 4/65

การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก, การล็อกดาวน์ในประเทศจีน, และช่วงโลว์ซีซัน มีแนวโน้มที่จะกดดันอุปสงค์ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีในไตรมาส 4/65 ให้ชะลอตัวลง นอกจากนี้ การเริ่มดำเนินงานเชิงพาณิชย์ของกำลังการผลิตใหม่และต้นทุนวัตถุดิบที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง จะกดดันส่วนต่างราคาปิโตรเคมีบางประเภทในไตรมาส 4/65 จากแนวโน้มดังกล่าว เราจึงคาดว่าส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีส่วนใหญ่จะอ่อนตัวลง YOY และยังคงทรงตัว (หรืออ่อนตัวเล็กน้อย) QoQ ในไตรมาสดังกล่าว อย่างไรก็ตาม อุปทานที่มีจํากัด ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายการควบคุมมลพิษของจีน และ/หรือ ความล่าช้าในการเริ่มดำเนินงานของกำลังการผลิตใหม่ อาจเป็นอัพไซด์ต่อราคาและส่วนต่างราคาปิโตรเคมี

- Advertisement -