บล.ทิสโก้:

บมจ. เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล (AAI TB)

กำไรสุทธิ 3Q22 เพิ่มขึ้น YoY, QoQ (แก้ไข)

แนวโน้มผลประกอบการ AAI เติบโตจากความนิยมสัตว์เลี้ยงสุนัขและแมวโลกเพิ่มขึ้น

เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” แนวโน้มผลประกอบการ AAI จะเติบโตอย่างยั่งยืนจาก 1) กำไรสุทธิ 3Q22 เพิ่มขึ้น YoY, QoQ ดีกว่าที่คาด เพิ่มขึ้นทั้ง YoY, QoQ 2) ความดูแลเอาใจใส่สุขภาพของสัตว์เลี้ยงปัจจุบันมากขึ้น สอดคล้องกับ ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงของโลกเติบโตต่อเนื่อง 3) ประเทศไทยมีการส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงเป็นอันดับ 3 ของโลก และข้อได้เปรียบในการแข่งขัน 4) สร้างแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงของบริษัทเองครอบคลุมทุกกลุ่ม เน้นตลาดใน ประเทศไทยและประเทศจีน 5) ขยายกำลังการผลิตรองรับการเติบโตของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง เราคาดผลประกอบการจะเพิ่มขึ้นได้เฉลี่ยปีละ 20% (CAGR3Y) ราคาเป้าหมายใหม่ 8.70 บาท

ประกาศกำไรสุทธิ 3Q22 เติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ

AAI ประกาศกำไรสุทธิ 3Q22 ที่ 195 ล้านบาท (+50%YoY, +7%QoQ) ดีกว่าที่เราคาด จากรายได้ที่เพิ่มมากกว่าที่คาดไว้ แบ่งเป็น 1) กลุ่มรายได้อาหารสัตว์เลี้ยงจากการรับจ้างผลิตเพิ่มขึ้นตามอุปสงค์ของอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มอาหารแมว และรายได้จากแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงของบริษัทเองเพิ่มขึ้น (สัดส่วน 2% ของรายได้รวม) จากการทำการตลาดสร้างแบรนด์ของบริษัทให้เป็นที่รู้จักส่งผลยอดขายของทั้งแบรนด์ “มองชู” และ “ฮาจิโกะ” เพิ่มขึ้น 2) รายได้กลุ่มอาหารพร้อมทานในภาชนะปิดผนึกเพิ่มขึ้น แม้ว่าราคาปลาทูน่าอยู่ในระดับสูง แต่เนื่องจากค่าขนส่งทางเรือที่ปรับตัวลงทำให้ปริมาณการขายเพิ่มขึ้น ส่งผลให้สัดส่วนของ อาหารพร้อมทานในภาชนะปิดผนึกเพิ่มขึ้นเป็น 16% จาก 12% อัตรามาร์จิ้นอยู่ที่ 21% ลดลง YoY จากต้นทุน วัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น แต่ทรงตัว QoQ สำหรับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นจากบันทึกขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน 71 ล้าน และค่าใช้จ่ายทำการตลาดกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงแบรนด์ของบริษัท

ปรับประมาณการเพิ่มขึ้น คาดกำไรสุทธิปี 2022-24F เติบโตเฉลี่ยปีละ 20% (CAGR3Y)

แนวโน้มยอดขายใน 4Q22F คาดจะอ่อนตัวลงจากลูกค้า OEM ชะลอออเดอร์ช่วงปลายปี สำหรับผลประกอบการ 9M22 ดีกว่าที่เราคาดจากยอดขายและอัตรามาร์จิ้นมากกว่าคาด เราปรับประมาณการปี 2022-23F เพิ่มขึ้นจากคาดเดิม 3% และ 16% ตามลำดับ คาดกำไรสุทธิปี 2022 อยู่ที่ 766 ล้านบาท (+20%YoY) และ 961 ล้านบาท (+25%YoY) จากคาดรายได้กลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงเติบโต 47% และ 15% ตามลำดับ จากการขยายกำลังการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงปีนี้เพิ่มขึ้น 17% และปีถัดไป 18% ตามลำดับ จากความต้องการส่งออกของลูกค้า OEM เพิ่มขึ้นตามภาพรวมตลาดโลกเติบโต สำหรับกลุ่มอาหารพร้อมทานในภาชนะปิดผนึกเราคาดปีนี้เพิ่มขึ้น 26% จากฐานต่ำในช่วงโควิดระบาดที่ผ่านมาและคาดทรงตัวในปีถัดไป โดยคาดอัตรามาร์จิ้นลดลงเล็กน้อยจากต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น แต่ชดเชยจากยอดขายอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีมาร์จิ้นมากกว่าเพิ่มขึ้น คาดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายจะอยู่ที่ 8% ทรงตัว แม้ว่าค่าตลาดสร้างแบรนด์บริษัทเองเพิ่มขึ้น เนื่องจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น

เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” เราแก้ไขคำแนะนำจากบทวิเคราะห์วันที่ 11/11/22 เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ”

คาด AAI จะมีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิเติบโต หลังจากการขยายกำลังการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงรองรับตลาดการส่งออกที่มีขนาดใหญ่และมีอัตราเติบโตต่อเนื่อง รวมถึงการบริหารจัดการควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายให้เหมาะสมกับการขยายธุรกิจในอนาคต ปรับราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นตามการปรับประมาณการเป็น 8.7 บาท จาก 7.7 บาท อ้างอิง PER23F 19.2X เทียบเท่า PEG23F ที่ 0.95X โดยคาด net profit growth 20% (CAGR3Y) และคาด Dividend Yield 23F 3%

ประกาศกำไรสุทธิ 3Q22 เติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ

AAI ประกาศกำไรสุทธิ 3Q22 ที่ 195 ล้านบาท (+50%YoY, +7%QoQ) โดยรายได้รวมเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 1,958 ล้านบาท (+59%YoY, +8%QoQ) จาก 1) กลุ่มรายได้อาหารสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้น +50%YoY และ +3%QoQ จากรับจ้างผลิตเพิ่มขึ้นตามอุปสงค์ของอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มอาหารแมว โดยที่ตลาดสำคัญยังคงเป็นตลาดสหรัฐอเมริกาและตลาดยุโรป สำหรับรายได้จากแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงของบริษัทอยู่ที่ 42 ล้านบาท (+59%YoY) และ 9M22 อยู่ที่ 115 ล้านบาท (+80%YoY) จากการทำการตลาดสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในประเทศไทย ส่งผลยอดขายทั้งแบรนด์ “มองชู” และ “ฮาจิโกะ” เพิ่มขึ้น สำหรับการจำหน่ายแบรนด์ “มองชู” ของ “ไทหยา” และผลประกอบการของโรงงานอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเม็ดของบริษัท “ไท่หยา เหม่ย ซื้อ” ในประเทศจีนยังไม่เป็นไปตามแผนธุรกิจ เนื่องจากประเทศจีนยังคงมาตรการที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเข้มข้น และมีการแข่งขันรุนแรง รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบอยู่ในระดับสูง 2) รายได้กลุ่มอาหารพร้อมทานในภาชนะปิดผนึกเพิ่มขึ้น +116%YoY และ +46%QoQ แม้ว่าราคาปลาทูน่าอยู่ในระดับสูง เนื่องจากค่าขนส่งปรับตัวลดลงเป็นสำคัญ ส่งผลให้สัดส่วนของอาหารพร้อมทานในภาชนะปิดผนึกเพิ่มขึ้นเป็น 16% จาก 12% YoY และ 12%QoQ อัตรามาร์จิ้นอยู่ที่ 21% ลดลง YoY จากต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ที่ 10% ลดลงเล็กน้อย YoY และคงที่ QoQ จากการทำการตลาดกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงภายใต้แบรนด์ของบริษัท

ปรับประมาณการเพิ่มขึ้น คาดกำไรสุทธิปี 2022-24F เติบโตเฉลี่ยปีละ 20% (CAGR3Y)

แนวโน้มยอดขายใน 4Q22F คาดจะอ่อนตัวลงจากลูกค้า OEM ชะลอออเดอร์ช่วงปลายปี อย่างไรก็ตาม ราคาต้นทุนวัตถุดิบเริ่มปรับลดลง รวมถึงค่าใช้จ่ายการตลาดที่ลดลง ทำให้คาดกำไรธุรกิจหลักจะทรงตัว (ไม่รวมรายการพิเศษที่บริษัทอาจมีการบันทึกค่าใช้จ่ายจากการนำหุ้นเข้าตลาดฯ (IPO) ในไตรมาส 4 นี้) สำหรับผลประกอบการ 9M22 ดีกว่าที่เราคาด จากยอดขายและอัตรามาร์จิ้นมากกว่าคาด เราปรับประมาณการปี 2022-23F เพิ่มขึ้นจากคาดเดิม 3% และ 16% ตามลำดับ คาดกำไรสุทธิปี 2022F อยู่ที่ 766 ล้านบาท (+20%YoY) และ 961 ล้านบาท (+25%YoY) จากคาดรายได้กลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงเติบโต 47% และ 15% ตามลำดับ จากการขยายกำลังการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงปีนี้มาอยู่ที่ 4.2 หมื่นตัน เพิ่มขึ้น 17% และปีถัดไปเพิ่มขึ้นอีก 18% ตามลำดับ จากความต้องการส่งออกของลูกค้า OEM เพิ่มขึ้นตามภาพรวมตลาดโลกเติบโต และคาด utilization rate 85% และ 83% ตามลำดับ สำหรับกลุ่มอาหารพร้อมทานในภาชนะปิดผนึกเราคาดปีนี้เพิ่มขึ้น 25% จากฐานต่ำในช่วงโควิดระบาดที่ผ่านมา และคาดทรงตัวในปีถัดไป โดยคาดอัตรามาร์จิ้นอยู่ที่ปีละ 20% ลดลงเล็กน้อยจากต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น แต่ชดเชยจากการใช้ระบบคลังสินค้าอัตโนมัติช่วยทำให้มาร์จิ้นลดลงไม่มาก รวมถึงสัดส่วนยอดขายอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีมาร์จิ้นมากกว่าเพิ่มขึ้น คาดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นจากการทำตลาดสินค้าแบรนด์ตัวเอง แต่ถ้าเทียบต่อยอดขายจะอยู่ที่ 8% ทรงตัวจากยอดรายได้ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 11%-12% เพิ่มขึ้นจาก 10%YoY

เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 8.7 บาท

เราคาด AAI จะมีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิเติบโต หลังจากการขยายกำลังการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงรองรับตลาดการส่งออกที่มีขนาดใหญ่และมีอัตราเติบโตต่อเนื่อง รวมถึงการบริหารจัดการควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายให้เหมาะสมกับการขยายธุรกิจในอนาคต เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 8.7 บาท จากเดิม 7.7 บาท อ้างอิง PER23F 19.2X เทียบเท่า PEG23F ที่ 1.3X โดยคาด net profit growth 15% (CAGR3Y) และคาด Dividend Yield 23F 3.6%

- Advertisement -