ไร้ปัจจัยใหม่และต่างชาติขายต่อเนื่อง ส่งผลให้ SET เริ่มแกว่งออกข้าง 

Market Update

ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 0.12% หลังจาก Target ผู้ประกอบการค้าปลีกรายงานกำไรที่ต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 1.1% หลังจากมีรายงานว่าการลำเลียงน้ำมันจากรัสเซียกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ขณะที่จีนพบเจอผู้ติดเชื้อ COVID-19 ตลาดจึงกังวลกับอุปสงค์

Market Outlook

ภาพรวมยังดูไร้ปัจจัยใหม่ๆ เมื่อคืนสหรัฐฯประกาศยอดค้าปลีกพบว่าขยายตัว 1.3%MoM สูงกว่าตลาดคาดไว้ที่ 1%MoM ขณะที่ Core Retail Sale ขยายตัว 1.3%MoM สูงกว่าตลาดคาดการณ์ค่อนข้างมากที่ 0.5%MoM อย่างไรก็ตาม ดูตลาดจะมิได้กังวลกับดอกเบี้ยและเงินเฟ้อเท่าไร สะท้อนผ่านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 และ 10 ปีปรับลงต่อเนื่อง พร้อมกับดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าต่อเนื่อง และความเห็น CME FED WATCH ก็ดูจะให้น้ำหนักส่วนมากราว 85% ที่ FED จะขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ด้านใส้ใน ยอดค้าปลีกพบว่าสินค้าที่หดตัว ได้แก่ สินค้ากีฬาและสินค้าที่อยู่ในศูนย์การค้า รวมถึงพวกเครื่องใช้ไฟฟ้า ภาวะดังกล่าวคล้ายกับว่าสะท้อนถึงเศรษฐกิจที่เริ่มอ่อนแรงการบริโภคสินค้าคงทนจึงลดลง ซึ่งสอดคล้องกับการประกาศผลประกอบการของ TARGET ที่เห็นการอ่อนแรงลง

ขณะที่คืนนี้ตลาดจะไปให้น้ำหนักกับภาคอสังหาฯในสหรัฐฯ (1) ยอดสร้างบ้านใหม่ของสหรัฐ Bloomberg คาดที่ 1.41 ล้าน (2) ใบขออนุญาตก่อสร้าง Bloomberg คาดที่ 1.51 ล้าน หากต่ำกว่าคาดจะมองเป็นบวกกับตลาดหุ้นมากกว่าในแง่ของการผ่อนคลายกับเงินเฟ้อและดอกเบี้ย ขณะที่ล่าสุดส่วนต่าง Bond Yield สหรัฐ (10-2) ต่ำสุดต่อเนื่องบ่งชี้ถึงเม็ดเงินกระจุกตัวในดอกเบี้ยระยะยาว ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอย ส่วนในประเทศ ติดตามใกล้ชิดกับการขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติหลังเริ่มเห็นการขายออกมา 3 วันติดต่อ และค่าเงินบาทเริ่มเห็นการอ่อนค่าขึ้นมาเล็กน้อย สวนทางกับค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าต่อเนื่อง หากยังคงแนวโน้มอ่อนค่าจะกดดัน Fund Flow ต่างชาติไหลออก

ในเชิงกลยุทธ์การลงทุน ยังแนะทยอยลดน้ำหนักการลงทุน หลังดัชนีปรับขึ้นมาตอบรับกับดอกเบี้ยที่ผ่อนคลายและเงินเฟ้อที่ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แต่ช่วงถัดไปยังมีความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งเริ่มเห็นบางสัญญาณ อาทิ 10-2 เข้าสู่แดนลบและผลประกอบการค้าปลีกสหรัฐฯ ย่ำแย่ ส่วนหุ้นทยอยสะสมได้แก่หุ้นปันผลสูง (ADVANC INTUCH) โรงไฟฟ้า (BGRIM GPSC RATCH) รับดอกเบี้ยเข้าใกล้จุดสูงสุด อื่นๆ ยังเน้นที่มีรายได้ในประเทศ อาทิ ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW MINT SPA) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK SCB TTB TISCO) รถไฟฟ้า (BTS BEM) โดยประเมิน SET INDEX วันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 1610 – 1625

Pi Stock Picks

CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 72.00 บาท)

ปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญของ CPALL ในไตรมาส 4/22 และปี 2023 คือ 1) จำนวนลูกค้าในร้านที่เพิ่มขึ้น ตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติและนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ฟื้นตัวแข็งแกร่ง 2) การใช้จ่ายที่สูงขึ้นช่วงการแข่งขันบอลโลก และ 3) มาตรการกระตุ้นภาครัฐเพิ่มเติมก่อนไทยเข้าสู่การเลือกตั้ง โดยเราคาดว่ากำไรไตรมาส 4/22 จะโตขึ้น YoY และ QoQ จากยอดขายที่ฟื้นตัวขึ้นในทุกหน่วยธุรกิจ

SAPPE (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 48.00 บาท)

คาดว่ากำไรไตรมาส 4/22 จะโตต่อเนื่อง YoY จาก 1) การซื้อซ้ำ MOGU MOGU ใน 4 ตลาดหลัก (ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ และฝรั่งเศส) 2) ยอดขายในประเทศที่ฟื้นตัว และ 3) การขยายจุดขายในยุโรป

- Advertisement -