EPG แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 14.50 บาท

คงเป้าอัตราการเติบโตของรายได้ปี FY22/23 (เม.ย. 22 – มี.ค. 23) ที่ 15%

ผู้บริหารมองบวกอย่างระมัดระวังกับแนวโน้มการดำเนินงานใน 2H (ต.ค.22- มี.ค. 23) ทั้งสามธุรกิจ (ฉนวนยาง ชิ้นส่วนยานยนต์ และบรรจุภัณฑ์) รายได้ 1H โต 3% yoy ซึ่งถือว่าต่ำเพราะได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ผู้บริหารยังคงเป้าอัตราการเติบโตของรายได้ปีนี้เอาไว้ที่  15% จากการรวม 4 Way เข้ามาในงบรวมของ EPG (ซื้อเข้ามาเมื่อปลายเดือนมิ.ย. 22) และคำสั่งซื้อที่แข็งแกร่งของธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ คาด GPM ใน 2H อยู่ที่ 32% (จาก 32.1% ใน 1H) ได้แรงหนุนจากราคาวัตถุดิบปิโตรเคมีที่ลดลง EPG คาดว่าราคาวัตถุดิบที่ลดลงจะแปลงเป็น GPM ที่เพิ่มขึ้นในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม โดยทั้งนรายได้ และ GPM ของธุรกิจบรรจุภัณฑ์ ซึ่งใช้วัตถุดิบปิโตรเคมีถึง 55% น่าจะค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้น

ธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์จะเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโต

รายได้จากฉนวนยางเพิ่มขึ้นเล็กน้อย qoq ขณะที่ GPM ทรงตัวในช่วงเดือนต.ค.-ธ.ค. ธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ยังน่าจะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งใน 2H โดยยอดขาย canopy กำลังกลับมาหลังจากที่ลดลงไปในช่วงเดือนก.ค.-ก.ย. จากเศรษฐกิจชะลอตัวใน EU ซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลัก ส่วนคำสั่งซื้อ Side-step จากการปรับโมเดลใหม่ของ Ford Rangers และ Everest รวมถึงคำสั่งซื้อใหม่จาก Toyota Revo แข็งแกร่งโดยที่ยอดผลิตเกือบเต็มกำลังการผลิต ยอดคำสั่งซื้อ Canopy และ side-step คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 15% ของรายได้รวมจากกลุ่มธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ คาดรายได้ equity income จะเพิ่มขึ้นอีกจากส่วนใหญ่เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ โดยรายได้ Equity income +231% qoq, 24% yoy เป็น 77 ลบ.ช่วงเดือนก.ค.-ก.ย.

ซื้อ โดยประเมินราคาเป้าหมายที่ 14.50 บาท; โครงการไฟฟ้า solar 20MW จะเสร็จในเดือนมีนาคม 2023

EPG จะติดตั้งแผง solar 18MW เสร็จภายในสิ้นปีนี้ และอีก 2MW ในเดือนมีนาคม 2023 ซึ่งเมื่อโครงการไฟฟ้า solar เสร็จครบทั้ง 20MW แล้วน่าจะช่วยประหยัดต้นทุนให้กับ EPG ได้ปีละ 80 ล้านบาท ทั้งนี้ ต้นทุนค่าไฟฟ้าคิดเป็น 4% ของต้นทุนรวม ราคาเป้าหมายของเราอิงจาก PE ปี FY23F ที่ 24.6x นอกจากนี้ EPG จะขึ้น XD สำหรับเงินปันผล 0.11 บาท/หุ้น (อัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 50%) ในวันที่ 25 พฤศจิกายน