Daily Focus: Selective/Domestic Play

2023 SET Target: 1760

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways Up ได้ตามคาด ปิดบวก 9.07 จุด ณ สิ้นวัน นำโดยกลุ่มพลังงานต้นน้ำและกลางน้ำอย่าง PTTEP BANPU และโรงกลั่น ขณะที่ MAKRO มีแรงซื้อเก็งกำไรหลังมี Big Lot สถาบันในประเทศยังขายสุทธิบางๆ ในตลาดหุ้น 262 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหนาแน่น 2.4 พันลบ. (และ Long Index Futures อีก 1.4 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่งตัว Sideways to Sideways Up ได้ต่อเนื่อง จากบรรยากาศการลงทุนที่ยังผ่อนคลายหลังรายงานการประชุม FED ระบุ คณะกรรมการมองว่าควรจะชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ สอดคล้องกับที่ตลาดประเมิน และคาดหวังตลอดเดือน พ.ย. ที่ผ่านมาภายหลังการประชุม FED ต้นเดือน ส่งผลให้ Dollar Index และ Bond Yield สหรัฐฯชะลอตัวลงเป็นบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงให้ฟื้นตัว นอกจากนี้ราคา น้ำมันดิบที่ปรับลงแรงจากประเด็นกลุ่ม G7 กำลังพิจารณากำหนดเพดานกาขายราคาน้ำมันดิบจากรัสเซีย อาจเป็นแรงกดดันต่อกลุ่มพลังงานบ้างในวันนี้ แต่จะเป็น Sentiment บวกต่อกลุ่ม Anti-Commodity สำหรับกลุ่มโรงไฟฟ้า รวมถึงแรงหนุนจากการประชุมโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน 5,203 MW และค่าเงินบาทที่แข็งค่าจากไตรมาสก่อน ส่วนสถานการณ์ COVID-19 ในจีนยังต้องติดตามต่อเนื่อง หลังยังเห็นการ Lockdown บางเมือง อย่างไรก็ตาม เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจไทยจะเร่งตัวใน 4Q22-2023 ที่เข้าสู่ช่วง High Season ของการท่องเที่ยวและการใช้จ่าย เราคาดว่ายังคงหนุนให้กระแสเงินทุนยังมีแนวโน้มทยอยไหลเข้าในระยะกลาง-ยาว

กลยุทธ์ : เลือกลงทุนหุ้น Domestic และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว // ยังถือลงทุนต่อเนื่องหลังสะสมหุ้นเพิ่มไปแล้วช่วงปรับฐาน

หุ้นเด่นเดือน พ.ย. : BBL, DOHOME, EKH, MAKRO, NOBLE

หุ้นเด่นวันนี้ : CPALL

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก IAA Consensus 74.08 บาท
  • แนวโน้มกำไร 4Q22 คาดเร่งตัวขึ้นทั้ง Q-Q และ Y-Y ตาม High Season และการ Reopening หนุน SSSG ฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง รวมถึงกำไรของ MAKRO ที่กลับมาเป็นขาขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ยังได้อานิสงส์ระยะสั้นหนุนเพิ่มจากเทศกาลฟุตบอลโลกที่ถ่ายทอดช่วงเวลากลางคืน
  • Consensus คาดกำไรปี 2022-2023 +39% Y-Y และ +31% Y-Y ตามลำดับ จากการเปิดเมืองและเปิดประเทศเต็มรูปแบบ และมีปัจจัยบวกระยะยาวจากการขยายธุรกิจ 7-11 ในกัมพูชาและลาว ยังเป็น Top Pick ในกลุ่มค้าปลีก
  • แนวรับ 62-61 บาท แนวต้าน 64//66 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคทุกประเทศ US$383 ล้าน นำโดยเกาหลีใต้และไต้หวัน US$162 ล้าน และ US$105 ล้าน ตามลำดับ ส่วนอาเซียนไหลเข้านำโดยไทยและอินโดนีเซียประเทศละ US$40-66 ล้าน โดยได้แรงหนุนจาก Dollar Index และ Bond Yield ที่ชะลอแนวโน้มกระแสเงินทุนวันนี้คาดยังไหลเข้าได้ต่อเนื่อง หลังรายงานการประชุม FED ระบุว่าการขึ้นดอกเบี้ยของ FED จะเริ่มชะลอในเร็วๆ นี้

ประเด็นสําคัญวันนี้

(+) รายงานการประชุม FED ระบุว่ากรรมการเห็นพ้องว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่ชะลอตัวลงจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ สอดคล้องกับ Comment ของประธาน FED หลายสาขาที่ออกมาในช่วงก่อนหน้า ส่วนหนึ่งเพื่อประเมิลผลจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องในช่วงก่อนหน้า รวมถึงเริ่มเห็นสัญญาณเงินเฟ้อที่ชะลอบ้างแล้ว ภาพรวมเป็นแรงหนุนต่อเม็ดเงินให้ไหลกลับเข้าสินทรัพย์เสี่ยง

(0) กลุ่มเนื้อสัตว์ ราคาไก่จากกรมการค้าภายในปรับลง 2 บาท/กก. เป็น 41-42 บาท จาก 43-44 บาท ในสัปดาห์ก่อน มองเป็นราคาที่อ่อนลงตามฤดูกาล เพราะ 4Q เป็น Low Season ของการส่งออก ส่วนราคาหมูยังทรงตัว โดยราคาจากกรมการค้าภายในอยู่ที่ 103-104 บาท/กก. และสนง.ศก.การเกษตรอยู่ที่ 108-110 บาท/กก. สำหรับกลุ่มเนื้อสัตว์ยังคงมุมมองเดิมว่าแนวโน้มกำไร 4Q22 น่าจะอ่อนตัวลงตามฤดูกาล และราคาชิ้นส่วนไก่ (By Product) ได้ปรับลงพอควรจาก 3Q22 เฉลี่ย 24-25 บาท/กก. ขณะที่ 4QTD อ่อนลงเป็น 19 บาท/กก. แต่ยังเป็นระดับกำไรที่แข็งแกร่งเทียบกับในอดีต ระยะสั้นยังขาด Catalyst หนุนราคาหุ้น แนะนำเพียง “เก็งกำไร” TFG GFPT ตามเดิม

(+) CK ผู้บริหารให้ความเชื่อมั่นต่อ Outlook ของบริษัทที่สดใส โดยเฉพาะรับเหมาที่เป็นขาขึ้นเต็มตัว จากการลงทุนภาครัฐที่ดีขึ้น และการผลักดันโครงการที่อยู่ค้างท่อในข่วงก่อนเลือกตั้ง คาดช่วยหนุนให้ Backlog ปรับขึ้นจากปัจจุบันที่ 6 หมื่นลบ.เป็น 2.5 แสนลบ.ในต้นปีหน้า จากโครงการใหญ่ที่รอเซ็น ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีส้มและโรงไฟฟ้าหลวงพระบาง รองรับรายได้ไป 7-8 ปีข้างหน้าเป็นลักษณะ S-Curve ประกอบกับการเติบโตของบริษัทลูกทั้ง BEM CKP รวมถึงเงินปันผลที่สม่ำเสมอจาก TTW ซึ่งผู้บริหารยังมั่นใจที่จะสามารถต่อสัมปทานได้ เราจึงยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2022 +4x Y-Y และ +64% Y-Y ปี 2023 คงราคา เป้าหมาย 29 บาท แนะนำ “ซื้อ” เป็น Top Pick

(+) MAKRO วานนี้มี Big Lot จำนวน 160 ล้านหุ้นคิดเป็นสัดส่วน 1.5% ที่ราคา 37.75 บาท คิดเป็นเม็ดเงิน 6.04 พันลบ. คาดเป็นการขายจากกลุ่มซีพี และจะทำให้ Free Float เพิ่มขึ้นเป็น 15% เข้าเกณฑ์ที่จะถูกหยิบเข้าคำนวณในดัชนีสำคัญ เช่น MSCI และ ESG Index เป็นต้น ซึ่งจะเป็น Catalyst บวก และมีโอกาสเป็นเป้าซื้อของฝั่งสถาบันฯ ด้านผลการดำเนินงานคาดฟื้นตัวแกร่งใน 4Q22-2023 ราคาเป้าหมายจาก FSSIA อยู่ที่ 42 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ”

 

(+) ตลาดดาวโจนส์ ปิดที่ 34,194.06 จุด เพิ่มขึ้น 95.96 จุด หรือ +0.28% หลังการเปิดเผยรายงานการประชุม FED ที่ระบุว่า FED มีแนวโน้มจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก ได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่

(+) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับบวก หลังรายงานการประชุม FED ที่มีแนวโน้มว่าจะ ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

(0) ค่าเงินบาท แกว่งตัวแคบ อยู่ที่บริเวณ 36.02 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดลดลง 3.01 ดอลลาร์ หรือ 3.7% ปิดที่ 77.94 ดอลลาร์/บาร์เรล จากรายงานว่ากลุ่ม G7 เตรียมกำาหนดเพดานราคาน้ำมันรัสเซีย ไม่ให้เกิน 70 ดอลลาร์/บาร์เรล รวมถึงสต็อกน้ำมันสหรัฐเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาด ในขณะที่เช้านี้ปรับลงต่อที่ระดับ 77.65 ดอลลาร์/บาร์เรล -0.37%

(+) ราคาทองคำ COMEX ปิดเพิ่มขึ้น 5.7 ดอลลาร์ หรือ 0.33% ปิดที่ 1,745.6 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งนักลงทุนรอติดตามรายงานประชุม FED โดยตลาดปิดก่อนที่จะมีการเปิดเผยรายงานการประชุม FED ในขณะที่เช้านี้ปรับขึ้นต่อที่ระดับ 1,754.8 ดอลลาร์/ออนซ์ 0.53%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 906.93 / –

- Advertisement -