รับปัจจัยหนุนจาก ลค.ใหม่ ดันผลงานปี 64 โตต่อเนื่อง

SMT เปิดงบ Q2 กำไรพุ่ง ไม่มีปัญหาการขาดแคลนชิป คงเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโต 30% ขณะที่โควิด-19 ได้ฉีดวัคซีนให้พนักงานทุกคนกว่า 90% เรียบร้อยแล้ว ขณะที่โบรกเกอร์ มอง Q3 ยังต่อต่อ ครึ่งปีหลัง คาดได้ลูกค้าใหม่เพิ่ม ให้เป้าหมายราคา 8 บาท

นายวิรัตน์ ผูกไทย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SMT เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/64 ที่ออกมาดีนั้น เนื่องจากการเติบโตของยอดขาย ของผลิตภัณฑ์ที่มีมาร์จิ้นสูง และการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพและบริษัทก็ไม่มีปัญหาการขาดแคลนชิป เพราะมีการเตรียมการสั่งซื้อไว้ล่วงหน้า และยังคงมั่นใจเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโตได้ 30% และอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับ 20%

ทั้งนี้ SMT หรือ บมจ.สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) ประกาศผลการดำเนินงานของบริษัทในงวด Q2/2564 มีกำไรสุทธิ 56.01 ลบ. เพิ่มขึ้น 18.94 ลบ. หรือเพิ่มขึ้น 51.10% เมื่อเทียบกับ Q2/63 ที่มีกำไรสุทธิ 37.07 ลบ. โดยมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการ 606.56 ลบ. เพิ่มขึ้นจาก Q2/63 จำนวน 113.97 ลบ. หรือ 23.14% โดยที่บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นจากธุรกิจ IC เติบโต 14% , ธุรกิจ OPTICS เติบโตมากถึง 100% และ PCBA เติบโต 78% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

“ผลประกอบการที่ออกมาดี เนื่องจากการเติบโตของยอดขาย ของผลิตภัณฑ์ที่มีมาร์จิ้นสูง และการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพและบริษัทก็ไม่มีปัญหาการขาดแคลนชิป เพราะมีการเตรียมการสั่งซื้อไว้ล่วงหน้า และยังคงมั่นใจเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโตได้ 30% และอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ระดับ 20% อย่างแน่นอน อีกทั้งล่าสุดได้รับปัจจัยบวกจากกลุ่มลูกค้าใหม่ที่มีศักยภาพ (Potential Customers) กว่า 80 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 2,600 ลบ. สนับสนุนรายได้ปี 2565 ให้เติบโตแข็งแกร่งมากขึ้น”

ด้านมาตรการป้องกันเชื้อ COVID-19 ปัจจุบันบริษัทได้ฉีดวัคซีนให้พนักงานทุกคนกว่า 90% เรียบร้อยแล้ว รวมถึงมีมาตรการที่เข้มงวดสำหรับบุคคลภายนอกที่มาติดต่อบริษัทจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 เข็ม บริษัทจึงมั่นใจว่าจะเกิดความปลอดภัยต่อพนักงานและจะไม่เกิดผลกระทบใดๆ ต่อการดำเนินงานของบริษัท

บทวิเคราะห์จาก บล.โนมูระ พัฒนสิน มองแนวโน้มไตรมาส 3 คาดกำไรปกติเติบโต y-y (3Q20 กำไรปกติ 42 ลบ.) และ q-q โดยคาดว่ายอดขาย (+37%y-y +14%q-q) จะเติบโตต่อเนื่องตามการส่งมอบสินค้าที่เพิ่มขึ้นในกลุ่ม Optics สำหรับ Telecom และกลุ่ม PCBA & Box build ประกอบกับ และคาดว่า %Gross margin ใกล้เคียง 2Q21 จึงแนะนำซื้อ ให้ราคาเป้าหมาย 7.90 โดยหลังครึ่งปีหลัง กำไรเติบโตทั้ง y-y และ h-h ทำให้ทั้งปี 21F คาดกำไรปกติ (+205%y-y) เติบโตเด่นสุดในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ศึกษา ขณะที่บริษัทมี Potential Customers หลายรายที่มีโอกาสทยอยเซ็นสัญญาจ้างผลิตสินค้าในช่วง 6-12 เดือนข้างหน้า ทำให้มีโอกาสเติบโตจากการเพิ่มสินค้าใหม่ รวมทั้งมีความพร้อมด้านการผลิตโดยไม่ต้องลงทุนเพิ่ม

บทวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป มองว่าช่วงที่เหลือของปียังไปต่อ จากคำสั่งซื้อในมือที่จะทยอยผลิตในครึ่งปีหลังทั้งจากลูกค้าเดิม รวมถึงลูกค้าใหม่คาดจะทำให้กำไรปี 64 เพิ่มขึ้น 3 เท่าเป็น 240 ลบ. และอยู่ระหว่างรออนุมัติลูกค้าใหม่อีกราว 81 ล้านเหรียญที่เป็นส่วนเพิ่มต่อประมาณการในปีหน้าให้ยังเติบโตได้ จึงแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาพื้นฐาน 8 บาท ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในกลุ่มชิ้นส่วนฯ ที่ valuation ไม่แพงนักและยังกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง

- Advertisement -