บริษัทวายแอลจีบูลเลี่ยนแอนด์ฟิวเจอร์ส
ทองคำ
1,790 1,776 1,765
1,816 1,833 1,845

ข่าวสารสําคัญเพื่อประกอบการลงทุน (เพิ่มเติมช่วงบ่าย)
สรุป ราคาทองคำช่วงเช้าแกว่งตัวในกรอบ 1,798.80-1,804.76 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทรงตัวไม่ไกลจาก 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวสู่แดนลบเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาในหลายพื้นที่ ซึ่งบดบังปัจจัยบวกในตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยล่าสุด นายคิม บู-คยอม นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้เตรียมขยายมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมออกไปอีก 2 สัปดาห์

ส่วนในสหรัฐบริษัทแอมะซอน อิงค์ ได้ประกาศเลื่อนการกลับเข้าทำงานในออฟฟิศออกไปจนถึงต้นปีหน้า เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่มีผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นในขณะนี้ หลังจากที่มีบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งได้ประกาศมาตรการดังกล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ จึงช่วยพยุงราคาทองคำไว้ ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังรอดูการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค.ของสหรัฐในวันนี้ ทำให้ช่วงเช้าทองคำไม่เคลื่อนไหวมากนัก อย่างไรก็ดี แนะนำระวังความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นในช่วงการเปิดเผย ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ คืนนี้เวลา 19.30 น.

ปัจจัยทางเทคนิค
แนวโน้ม Gold Spot:
เมื่อราคาปรับตัวขึ้นอาจมีแรงขายทำกำไรสลับออกมาเพิ่มขึ้น ระยะสั้นราคาทองคำยังมีลุ้นดีดขึ้นทดสอบแนวต้าน แต่หากราคาทองคำไม่สามารถผ่านแนวต้านที่ 1,813-1,816 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ทำให้เกิดแรงขายทำกำไรออกมาสลับออกมาและอาจทำให้ราคาปรับตัวลงทดสอบแนวรับที่ 1,790-1,776 ดอลลาร์ต่อออนซ์เพื่อสร้างฐานราคา

กลยุทธ์การลงทุน:
เน้นการซื้อขายระยะสั้น โดยเสี่ยงขายหากราคาไม่สามารถผ่านโซน 1,816-1,833 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนสถานะขายหากราคาผ่าน 1,833 ดอลลาร์ต่อออนซ์) ทั้งนี้อาจทยอยเข้าซื้อคืนหากราคาอ่อนตัวลงไม่หลุดแนวรับ 1,790-1,776 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ข่าวสารประกอบการลงทุน
(+) ตลาดหุ้นเอเชียปิดเช้าร่วง นลท.วิตกโควิดเดลตา-จับตาจ้างงานสหรัฐ ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวสู่แดนลบเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาในหลายพื้นที่ ซึ่งบดบังปัจจัยบวกในตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังรอดูการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค.ของสหรัฐในวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 27,744.24 จุด เพิ่มขึ้น 16.12 จุด หรือ +0.06% ส่วนดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 26,206.75 จุด เพิ่มขึ้น 2.06 จุด หรือ +0.01%

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นในภูมิภาคหลายแห่งร่วงลงนำโดยตลาดหุ้นจีน หลังมีรัฐบาลจีนยังคงเดินหน้าควบคุมธุรกิจในหลายภาคส่วน นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายยังได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์โควิด-19 โดยล่าสุด นายคิม บู-คยอม นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้เตรียมขยายมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมออกไปอีก 2 สัปดาห์ ขณะที่รัฐบาลได้พยายามเร่งสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วประเทศ หลังมีประชาชนป่วยหนักเพิ่มขึ้น ส่วนในสหรัฐบริษัทแอมะซอน อิงค์ ได้ประกาศเลื่อนการกลับเข้าทำงานในออฟฟิศออกไปจนถึงต้นปีหน้า เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่มีผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นในขณะนี้ หลังจากที่มีบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งได้ประกาศมาตรการดังกล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้

ส่วนความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจที่สำคัญในวันนี้ นายฟิลิป โลว์ ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ได้แถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านเศรษฐกิจของรัฐสภาออสเตรเลียในวันนี้ว่า คณะบริหารของ RBA ได้พิจารณาร่วมกันว่าจะเลื่อนการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) จากเดิมที่กำหนดไว้ว่าจะเริ่มปรับลดในเดือนก.ย.นี้

(+) แบงก์ชาติออสซี่พิจารณาเลื่อนหั่นวงเงิน QE หลังเผชิญล็อกดาวน์รอบใหม่ นายฟิลิป โลว์ ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ได้แถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านเศรษฐกิจของรัฐสภาออสเตรเลียในวันนี้ว่า คณะบริหารของ RBA ได้พิจารณาร่วมกันว่าจะเลื่อนการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) จากเดิมที่กำหนดไว้ว่าจะเริ่มปรับลดในเดือนก.ย.นี้ คำชี้แจงดังกล่าวมีขึ้นหลังจากการประชุมเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา RBA ได้สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดด้วยการตัดสินใจที่จะเริ่มปรับลดวงเงิน QE ตั้งแต่เดือนก.ย. เนื่องจากคาดว่าเศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบเพียงชั่วคราวเท่านั้นจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ในการประชุมดังกล่าว RBA มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.1% และประกาศเดินหน้าแผนปรับลดวงเงิน QE ลงเหลือ 4 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลียต่อสัปดาห์ จากก่อนหน้านี้ที่ระดับ 5 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลียต่อสัปดาห์

(+) เกาหลีใต้ขยายมาตรการคุมโควิดต่ออีก 2 สัปดาห์ หลังยอดผู้ป่วยหนักเพิ่ม นายคิม บู-คยอม นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้เตรียมขยายมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมออกไปอีก 2 สัปดาห์ ขณะที่รัฐบาลได้พยายามเร่งสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วประเทศ หลังมีประชาชนป่วยหนักเพิ่มขึ้น นายคิมกล่าวว่า มาตรการควบคุมโรคเป็นสิ่งสำคัญมากเพื่อหยุดยั้งการระบาด และสร้างความปลอดภัยในการกลับมาเปิดเรียนในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า

(+) ไบเดนอนุญาตชาวฮ่องกงอยู่ในสหรัฐต่อ 18 เดือนแม้หมดวีซ่า หลังจีนปราบปรามต่อเนื่อง ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐลงนามในคำสั่งห้ามส่งตัวชาวฮ่องกงในสหรัฐกลับดินแดนเป็นเวลา 18 เดือน ส่งผลให้ชาวฮ่องกงได้รับ “ที่หลบภัยชั่วคราว” จากการปราบปรามอย่างต่อเนื่องของจีน คำสั่งดังกล่าวจะอนุญาตให้ชาวฮ่องกงที่ถือวีซ่าสหรัฐที่หมดอายุแล้ว หรือผู้ที่ไม่สามารถอยู่ในสหรัฐได้ตามกฎหมายนั้น สามารถอยู่ในสหรัฐต่อได้อีก 18 เดือน ไบเดนยังสั่งให้กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิดำเนินการตามคำสั่งดังกล่าว เพื่อให้ชาวฮ่องกงสามารถทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายในสหรัฐ

เจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวกล่าวว่า “เนื่องจากการจับกุมประชาชนและการพิจารณาคดีที่มีแรงจูงใจทางการเมือง การปิดปากสื่อ การจำกัดการเลือกตั้ง และการต่อต้านระบอบประชาธิปไตย เราจะดำเนินการตามขั้นตอนในการสนับสนุนประชาชนชาวฮ่องกงต่อไป” นอกจากนี้ บันทึกข้อตกลงที่ลงนามโดยปธน.ไบเดนยังระบุด้วยว่า จีน “บ่อนทำลายการใช้สิทธิและเสรีภาพ” ในเขตปกครองพิเศษของฮ่องกง

(-) ดอลลาร์แข็งค่าเทียบเยน รับความหวังตลาดแรงงานสหรัฐฟื้นตัว สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นบริเวณกรอบบนของ 109 เยนในการซื้อขายที่ตลาดโตเกียว โดยได้รับปัจจัยหนุนจากความคาดหวังที่ว่าตลาดแรงงานสหรัฐจะฟื้นตัว หลังตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานลดลงอย่างต่อเนื่อง สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ณ เที่ยงวันนี้ตามเวลาโตเกียว ดอลลาร์เคลื่อนไหวที่ 109.84-109.89 เยน เทียบกับ 109.73-109.83 เยนที่ตลาดนิวยอร์ก และ 109.56-109.57 เยนที่ตลาดโตเกียวเมื่อเวลา 17.00 น.ของเมื่อวานนี้

ที่มา : อินโฟเควสท์, กรุงเทพธุรกิจออนไลน์, The Standard และ Efinancethai

- Advertisement -