บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):

Food Sector ราคาเนื้อสัตว์จะยังสูงต่อเนื่อง

Event

แนวโน้มปี 2566 และทบทวนประมาณการกำไร

Impact

ต้นทุนอาหารสัตว์จะสูงต่อเนื่องนานกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้

จากกรณีพิพาทระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ, ภาวะเงินเฟ้อโลก และการอ่อนค่าของเงินบาท ทำให้ ต้นทุนอาหารสัตว์อยู่ในระดับสูงยาวนานกว่าที่เราคาดเอาไว้ก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ผลผลิตข้าวโพดในประเทศบางส่วนยังได้รับความเสียหายจากฝนที่ตกหนักใน 3Q65 ดังนั้น เราจึงปรับเพิ่มสมมติฐานราคากากถั่วเหลืองนำเข้าในปีนี้ขึ้นอีก 1% เป็น 21.60 บาท/กก. และปี 2566F ขึ้นอีก 5% เป็น 21 บาท/กก. ในขณะที่ยังคงสมมติฐานราคาข้าวโพดปี 2565F เอาไว้เท่าเดิม และปรับเพิ่มราคาปี 2566F ขึ้นอีก 4% เป็น 12 บาท/กก. อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าราคาอาหารสัตว์จะลดลงในปี 2567 โดยคาดว่าราคากากถั่วเหลืองจะอยู่ที่ 19 บาท/กก. และราคาข้าวโพดจอยู่ที่ 11 บาท/กก. เนื่องจากเงินบาทแข็งค่าขึ้น และต้นทุนพลังงานลดลง

ราคาหมูจะยังค่อนข้างสูงในปี 2566F จากสถานการณ์อุปทานขาดแคลนที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้

เราปรับลดสมมติฐานราคาหมูและไก่ปี 2565F ลงเล็กน้อยเพื่อสะท้อนอุปสงค์ที่อ่อนแอ เนื่องจากฝนตกหนักใน 2H65 เราคาดว่าผลผลิตหมูซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรค ASF มาตั้งแต่ปี 2564 จะยังไม่ฟื้นตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อย่างน้อยก็จนถึง 2H65F เพราะเกษตรกรรายเล็กขาดแคลนเงินทุนที่จะปรับปรุงกระบวนการป้องกันโรค ดังนั้น เราจึงปรับเพิ่มสมมติฐานราคาหมูปี 2566F ขึ้นอีก 12% เป็น 95 บาท/กก. แต่ยังคงสมมติฐานราคาไก่ปีหน้าเอาไว้เท่าเดิม เพราะคาดว่าอุปสงค์และอุปทานไก่จะสมดุลกัน พอดี ในขณะเดียวกัน เราคาดว่าราคาหมูและไก่จะลดลงในปี 2567F เพราะคาดว่าผลผลิตหมูจะกลับไป อยู่ระดับก่อน ASF ระบาดเนื่องจากผู้ผลิตรายใหญ่เพิ่มกำลังการผลิต อย่างไรก็ตาม เนื่องจากภาวะเงิน เพื่อโลกยังส่งผลกระทบต่อเนื่อง เราจึงคาดว่าราคาเนื้อสัตว์จึงน่าจะอยู่ในระดับ new normal ซึ่งสูงกว่า ช่วงก่อนที่ COVID จะระบาด โดยคาดว่าราคาหมูจะอยู่ที่ 80 บาท/กก. และราคาไก่จะอยู่ที่ 37 บาท/กก.

ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2565F และ 2566F แต่คาดว่ากำไรน่าจะกำลังผ่านจุดสูงสุดแล้ว

เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2565F และ 2566F ของทุกบริษัทในกลุ่ม โดยในปี 2565F เราปรับ เพิ่มประมาณการกำไรสุทธิของ GFPT ขึ้นมากที่สุดที่ 15% เป็น 2.1 พันล้านบาท เนื่องจากอุปสงค์การส่งออกแข็งแกร่ง ส่วนในปี 2566F เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิของ CPF ขึ้นมากที่สุดที่ 23% เป็น 1.97 หมื่นล้านบาท เนื่องจากราคาหมูในประเทศจีนสูงขึ้น เราคาดว่ากำไรสุทธิของผู้ผลิตเนื้อสัตว์ส่วน ใหญ่จะลดลงเล็กน้อยในปี 2566F แต่จะยังถือว่าอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับช่วงก่อนที่ COVID-19 จะระบาด โดยเราคาดว่ากำไรของ GFPT จะลดลงมากที่สุด (-8% YoY) เพราะอยู่ในธุรกิจไก่ ล้วน ๆ ในขณะเดียวกัน เราคาดว่ากำไรสุทธิของ CPF จะเพิ่มขึ้น 23% และกำไรปกติจะเพิ่มขึ้นถึง 46% ในปีหน้าเนื่องจากธุรกิจในต่างประเทศ และธุรกิจค้าปลีกฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง

Valuation & Action

เรายังคงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มอาหารที่ Outperform ในขณะที่อยู่ระหว่างทบทวนแนวโน้มของบริษัทที่อยู่ในหมวดย่อยอื่นๆ โดยในหมวดย่อยอาหารภาคเกษตร เราเลือก CPF และ TFG เป็นหุ้นเด่นของเรา ทั้งนี้ เราคาดว่ากำไรของ CPF จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2566F จากการฟื้นตัวของส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจ ในต่างประเทศ และธุรกิจค้าปลีก ในขณะเดียวกัน เราชอบ TFG เพราะการขยายธุรกิจ (ร้านค้าปลีก และ ตลาดส่งออก), ราคาหุ้นถูก และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับหุ้นอื่นในกลุ่ม

Risks

เศรษฐกิจชะลอตัวลง, เกิดโรคระบาด, ต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น, เกิด disruption ในสายโซ่อุปทาน

- Advertisement -