Our View? “พักกันใหม่”
คาดตลาดวันนี้ “Sideway Down” มองแนวรับที่บริเวณ 1,645 / 1,640 และแนวต้านที่บริเวณ 1,650 / 1,660 มองตลาดอาจได้รับจิตวิทยาเชิงลบจากตลาดต่างประเทศ หลังเมื่อคืนนี้สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) รายงานตัวเลขดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐเดือน พ.ย. ออกมาที่ระดับ 49.0 ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 49.7 และต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาคการผลิตสหรัฐอยู่ในภาวะหดตัว คาดเป็นผลจากการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในช่วงที่ผ่านมา และอาจส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน มองเป็นจิตวิทยาเชิงลบระยะสั้นต่อทิศทางตลาด อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าประเด็นดังกล่าวเป็นปัจจัยที่จะกดดันให้ FED อาจหยุดขึ้นดอกเบี้ยได้ในช่วง 2Q66 จากผลกระทบของดอกเบี้ยสหรัฐที่ส่งผ่านมาถึงเศรษฐกิจ รวมทั้งเมื่อคืนนี้ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือน ต.ค. ออกมาอยู่ที่ระดับ 6.0% YoY อ่อนตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 6.3% YoY สะท้อนคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อสหรัฐผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และมีแนวโน้มชะลอตัวลงต่อเนื่องแบบค่อนเป็นค่อยไป คาดจะเป็นปัจจัยหนุนทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้ในระยะกลาง
อย่างไรก็ดี ทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเห็นสัญญาณการอ่อนค่าต่อเนื่องจากประเด็นดังกล่าว โดยล่าสุด Dollar Index อยู่ที่ระดับ 107.7 ทำจุดต่ำสุดใหม่ในภาพระยะสั้น-กลางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มองจะเป็นปัจจัยบวกหนุนกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าทิศทางตลาดในภูมิภาคได้ โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทยที่มีปัจจัยพื้นฐานเด่นเฉพาะตัวในช่วงปีหน้า โดยล่าสุดค่าเงินบาทอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 35.0 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ มองเป็นปัจจัยหนุน Funflow ใหลเข้าต่อเนื่อง
อีกทั้งคาดตลาดในภูมิภาคยังได้รับแรงหนุนจากทางการจีนมีคำสั่งยกเลิกมาตรการจำกัด COVID-19 ในหลายเมืองให้มีผลทันที โดยกรุงปักกิ่งเริ่มผ่อนคลายให้ผู้ติดเชื้อที่มีอาการไม่รุนแรงเข้ากักตัวที่บ้านได้แทนการรักษาที่ศูนย์กักตัวของรัฐบาล เรามองเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของนโยบาย Zero-COVID ของจีน และบ่งชี้แนวโน้มที่จีนจะสามารถเปิดประเทศได้ในช่วง 2H′66 เป็นปัจจัยบวกต่อทิศทางตลาดในภูมิภาค รวมทั้งหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว-สายการบิน (AAV และ BA) ในระยะถัดไป
ทางด้านสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ส่งมอบเดือน ม.ค. เมื่อคืนนี้รีบาวด์ขึ้นต่อปิดที่ระดับ 81.41 ดอลลาร์/บาร์เรล +0.86 ดอลลาร์ (+1.07%) ได้รับแรงหนุนจากทางการจีนเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุม COVID-19 คาดจะหนุนอุปสงค์น้ำมันฟื้นตัว รวมทั้งการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐหนุนจากฟื้นตัวเพิ่มเติมได้บ้าง อย่างไรก็ตาม แนะนำติดตามการประชุม OPEC+ ในวันที่ 4 ธ.ค. เราคาดว่า OPEC+ จะยังคงมติการปรับลดกำลังการผลิตที่ระดับ 2 ล้านบาร์เรล/วันต่อไป เพื่อรักษาระดับของราคาน้ำมันดิบโลก ทั้งนี้เราคาดว่าราคานํ้ามันจะแกว่งตัวอยู่ที่ระดับราว 75-90 ดอลลาร์/บาร์เรล ต่อไป
สำหรับปัจจัยในประเทศเรามีมุมมองเชิงบวกต่อการภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในภาพของการฟื้นตัวต่อเนื่อง จากแรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยวและบริโภคของภาคเอกชน บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจไทยเป็นเพียงไม่กี่ประเทศในโลกที่มีการขยายตัวต่อเนื่องในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า คาดจะหนุนทิศทางกระแสเงินทุนต่างชาติ (Fund Flow) ไหลเข้าได้ต่อเนื่อง อีกทั้งแนวโน้มการเลือกตั้งใหญ่ของไทยที่จะเกิดขึ้นในช่วงเดือน มี.ค.- พ.ค. 66 เป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางตลาดหุ้นไทย โดยเรายังคงชอบหนุนต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีก (CPALL, CRC, MAKRO และ BJC) ต่อเนื่อง ทั้งนี้ คาด ครม. อาจมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีต่อได้ รวมทั้งเรายังชอบหุ้นในกลุ่มโฆษณา (PLANB และ VGI) ที่คาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และฟื้นตัวขึ้นโดดเด่นตั้งแต่ช่วง 3Q′65 คาดจะหนุนทิศทางราคาฟื้นตัวกลับขึ้นได้ต่อ และหุ้นในกลุ่มบริการสถานีน้ำมัน (BCP, OR และ PTG) คาดจะสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นได้อีกครั้ง ตามการเข้าสู่ช่วงวันหยุดในเทศกาลปีใหม่ หนุนการเดินทางมากขึ้น เป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางหุ้นในกลุ่มดังกล่าว
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนําวันนี้ “PTG”
กลยุทธ์ แนวรับ 14.90 / 14.60 Target 15.70 / 16.40 Stop <14.50