Our View? “แกว่งต่อไป”

คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,640 / 1,635 และแนวต้านที่บริเวณ 1,646 / 1,650 มองตลาดจะได้รับจิตวิทยาเชิงลบจากตลาดต่างประเทศ หลังสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) รายงานตัวเลขดัชนีภาคบริการสหรัฐเดือน พ.ย. ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 56.5 สูงกว่าเดือนก่อนหน้า และสูงกว่าที่ตลาดคาด บ่งชี้ภาคบริการสหรัฐขยายตัวขึ้น อีกทั้งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมากระทรวงแรงงานสหรัฐ รายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.63 แสนตำแหน่ง สูงกว่าที่ตลาดคาด และตัวเลขค่าเฉลี่ยค่าจ้างแรงงานรายชั่วโมงออกมา +5.1% YoY สูงกว่าที่ตลาดคาด สะท้อนความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานสหรัฐ กระตุ้นความกังวลถึงแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะยังคงขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในช่วงปีหน้า กดดันทิศทางตลาดปรับตัวลงได้ในระยะสั้น อย่างไรก็ดี เรายังคงคาดการณ์เดิมว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. นี้ ที่ระดับ 0.50% และจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีหน้าจนอัตราดอกเบี้ยสูงสุดอยู่ที่ราว 5.00-5.25% ก่อนที่ FED อาจหยุดขึ้นดอกเบี้ยในช่วง 1H166 จากผลกระทบของดอกเบี้ยสหรัฐที่ส่งผ่านมาถึงเศรษฐกิจ คาดจะส่งผลให้ตลาดปรับตัวขึ้นได้ในระยะถัดไป

อย่างไรก็ตาม แนะนำติดตามการประกาศมาตรการควบคุม COVID-19 ของจีนรอบใหม่ คาดจะเริ่มมีความผ่อนคลายมาตรการต่างๆ มากขึ้น มองเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของนโยบาย Zero- COVID ของจีน และบ่งชี้แนวโน้มที่จีนจะสามารถเปิดประเทศได้ในช่วง 2H′66 เป็นปัจจัยบวกต่อทิศทางตลาดในภูมิภาค รวมทั้งหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว-สายการบิน (AAV และ BA) ในระยะถัดไป

ทางด้านสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ม.ค. เมื่อคืนนี้ปรับตัวลงอีกครั้งปิดที่ระดับ 76.93 ดอลลาร์/บาร์เรล -3.05 ดอลลาร์ (-3.81%) เรามองได้รับแรงกดดันจากการที่ OPEC+ ยังคงมติลดกำลังการผลิต ตามเดิมที่ระดับ 2 ล้านบาร์เรล/วัน ในการประชุม OPEC+ ตามที่เราคาดไว้ ขณะที่แนวโน้มการที่ FED ยังมีโอกาสปรับ ขึ้นดอกเบี้ยได้ต่อ มองเป็นจิตวิทยาเชิงลบกดดันทิศทางราคาน้ำมัน รวมทั้งการรีบาวด์ของดอลลาร์สหรัฐ คาดกดดันทิศทางราคานํ้ามันได้เพิ่มเติม ทั้งนี้เราคาดคงคาดว่าราคาน้ำมันจะแกว่งตัวอยู่ที่ระดับราว 75-90 ดอลลาร์/ บาร์เรล ต่อไป

สําหรับปัจจัยในประเทศในสัปดาห์นี้เราแนะน่าให้ติดตามการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อของไทยเดือน พ.ย. คาดจะออกมาที่ระดับ 5.80% ชะลอตัวลงต่อเนื่องตั้งแต่เดือน ส.ค. บ่งชี้ความสามารถในการรับมือเงินเฟ้อของเศรษฐกิจไทยคาดจะกระตุ้นกระแสเงินทุนต่างชาติ (Fund Flow) ไหลเข้าได้ต่อ ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในภาพของการฟื้นตัวต่อเนื่อง จากแรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยวและบริโภคของภาคเอกชน บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจไทยเป็นเพียงไม่กี่ประเทศในโลกที่มีการขยายตัวต่อเนื่องในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า อีกทั้งแนวโน้มการเลือกตั้งใหญ่ของไทยที่จะเกิดขึ้นในช่วงเดือน มี.ค.— พ.ค. 66 เป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางตลาดหุ้นไทย โดยเรายังคงชอบหนุนต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีก (CPALL, CRC, MAKRO และ BIC) ต่อเนื่องทั้งนี้คาด ครม. อาจมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วง ปลายปีต่อได้ รวมทั้งเรายังชอบหุ้นในกลุ่มโฆษณา (PLANB และ VGI) ที่คาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและ ฟื้นตัวขึ้นโดดเด่นตั้งแต่ช่วง 3Q65 คาดจะหนุนทิศทางราคาฟื้นตัวกลับขึ้นได้ต่อ และหุ้นในกลุ่มบริการสถานีน้ำมัน (BCP, OR และ PTG) คาดจะสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นได้อีกครั้ง ตามการเข้าสู่ช่วงวันหยุดในเทศกาลปีใหม่ หนุนการเดินทางมากขึ้น เป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางหุ้นในกลุ่มดังกล่าว

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันนี้ “AAV”

กลยุทธ์ แนวรับ 3.08 / 3.00 Target 3.30 / 3.50 Stop <2.98

- Advertisement -