Our View? “พักต่อไม่เสียหาย”

คาดตลาดวันนี้ “Sideway Down” มองแนวรับที่บริเวณ 1,630 / 1,622 และแนวต้านที่บริเวณ 1,635 / 1,640 คาดคลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากจิตวิทยาเชิงลบจากตลาดต่างประเทศปรับตัวลง จากความกังวลธนาคารกลางสหรัฐ (FED) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าระดับ 5.00% เพื่อสกัดเงินเฟ้อ หลังตัวเลขการจ้างงานยังคงแข็งแกร่ง พร้อมตัวเลขค่าเฉลี่ยค่าจ้างแรงงานรายชั่วโมงออกมา +5.1% YoY สูงกว่าที่ตลาดคาด สะท้อนความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานสหรัฐ ทั้งนี้เราคาดว่าตลาดจะติดตามดูการประชุม FOMC ในสัปดาห์หน้าเพื่อหาสัญญาณถึงแนวโน้มนโยบายทางการเงินของ FED ในปีหน้าอีกครั้ง ส่งผลให้ตลาดผันผวนได้บ้างในระยะสั้น อย่างไรก็ดี เรายังคงคาดการณ์เดิมว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. นี้ที่ระดับ 0.50% และจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีหน้าจนอัตราดอกเบี้ยสูงสุดอยู่ที่ราว 5.00-5.25% ก่อนที่ FED อาจหยุดขึ้นดอกเบี้ยในช่วง 1H’66 จากผลกระทบของดอกเบี้ยสหรัฐที่ส่งผ่านมาถึงเศรษฐกิจ คาดจะส่งผลให้ตลาดปรับตัวขึ้นได้ในระยะถัดไป

อีกทั้งคาดตลาดได้รับความกังวลต่อการที่ผู้บริหารธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐหลายรายแสดงความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐถดถอยในปีหน้า จากผลกระทบของการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของ FED คาดจะลดความเชื่อมั่นของตลาดลง เป็นจิตวิทยาเชิงลบกดดันทิศทางตลาดได้เพิ่มเติม

ทางด้านสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ส่งมอบเดือน ม.ค. เมื่อคืนนี้ปรับตัวลงอีกครั้งปิดที่ระดับ 74.25 ดอลลาร์/บาร์เรล -2.68 ดอลลาร์ (-3.48%) คาดได้รับแรงหนุนจากความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐมีโอกาสเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีหน้าเช่นเดียวกัน คาดจะกดดันอุปสงค์น้ำมันดิบอ่อนแอ ขณะที่การรีบาวด์ของดอลลาร์สหรัฐ คาดกดดันทิศทางราคานํ้ามันได้เพิ่มเติม คาดจะกดดันทิศทางหุ้นในกลุ่มพลังงานอ่อนตัวลงได้ต่อ

สำหรับปัจจัยในประเทศ วันนี้เราแนะนำติดตามการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อของไทยเดือน พ.ย. คาดจะออกมาที่ระดับ 5.80% ชะลอตัวลงต่อเนื่องตั้งแต่เดือน ส.ค. บ่งชี้ความสามารถในการรับมือเงินเฟ้อของเศรษฐกิจไทยคาดจะกระตุ้นกระแสเงินทุนต่างชาติ (Fund Flow) ไหลเข้าได้ต่อ ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในภาพของการฟื้นตัวต่อเนื่อง จากแรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยวและบริโภคของภาคเอกชน บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจไทยเป็นเพียงไม่กี่ประเทศในโลกที่มีการขยายตัวต่อเนื่องในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า อีกทั้งแนวโน้มการเลือกตั้งใหญ่ของไทยที่จะเกิดขึ้นในช่วงเดือน มี.ค.-พ.ค. 66 เป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางตลาดหุ้นไทย โดยเรายังคงชอบหนุนต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีก (CPALL, CRC, MAKRO และ BJC) ต่อเนื่องทั้งนี้คาด ครม. อาจมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีต่อได้ รวมทั้งเรายังชอบหุ้นในกลุ่มโฆษณา (PLANB และ VGI) ที่คาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และฟื้นตัวขึ้นโดดเด่นตั้งแต่ช่วง 3Q′65 คาดจะหนุนทิศทางราคาพื้นตัวกลับขึ้นได้ต่อ และหุ้นในกลุ่มบริการสถานีน้ำมัน (BCP, OR และ PTG) คาดจะสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นได้อีกครั้ง ตามการเข้าสู่ช่วงวันหยุดในเทศกาลปีใหม่ หนุนการเดินทาง มากขึ้น เป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางหุ้นในกลุ่มดังกล่าว อีกทั้งเรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อสมาคมการขนส่งทาง อากาศระหว่างประเทศ (IATA) ปรับลดคาดการณ์กำไรของอุตสาหกรรมการบินปีนี้ลงจาก -9.7 พันล้านดอลลาร์ ลง เหลือ -6.9 พันล้านดอลลาร์ และคาดปีหน้าจะสามารถกลับมาหาไรที่ระดับ +4.7 พันล้านดอลลาร์ โดยให้น้ำหนักต่อแนวโน้มการเปิดประเทศของจีนในช่วงปีหน้า เรามองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มสายการบิน (AAV และ BA)

ขณะที่เมื่อวานนี้ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ยทั้งเงินฝากและเงินกู้ ตอบรับผลการประชุม กนง. ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยปรับขึ้นปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเพิ่มขึ้นสูงสุด 0.45% ต่อปี และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MLR, MOR และ MRR ปรับขึ้นในอัตรา 0.125% – 0.25% มีผลวันที่ 7 ธ.ค. 65 เราประเมินว่าธนาคารอื่นๆ จะเริ่มทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยตามมา มองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางหุ้นในกลุ่มธนาคาร (KBANK, BBL, SCB และ KTB)

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันนี้ “BBL”

กลยุทธ์ แนวรับ 142.00 / 140.00 Target 149.00 / 160.00 Stop <139.50

- Advertisement -