บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์:

GPSC กำไรแข็งแกร่งจากไซยะบุรี

  • กำไร 2Q64 แข็งแกร่งจากส่วนแบ่งกำไรจากไซยะบุรีซึ่งปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นมาก
  • คาดกำไร 3Q64F เติบโตขึ้นอีกจาก High season ของไซยะบุรีและการเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการใหม่ (Solar ที่อินเดียและไต้หวัน)
  • ดีล M&A 2 ดีลใหญ่เมื่อเร็ว ๆ นี้ถือเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้กำไรโดดเด่นขึ้น
  • คงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายใหม่ 83 บ. จากเลื่อนปีฐานเป็นปีหน้า

ประเด็นการลงทุน

  • กำไรแข็งแกร่งจากไซยะบุรี GPSC รายงานกำไรสุทธิ 2Q64 ที่ 2.3 พันลบ. (+17% QoQ, +21% YoY) โดยหากไม่รวมรายได้จาก Insurance Claim 310 ลบ. ของ GLOW SPP เฟส 5 ขาดทุนจาก FX + ขาดทุนจากเงินลงทุน -68 ลบ. กำไรปกติอยู่ที่ 2.06 พันลบ. (+11% QoQ, +8% YoY) โดยหลักมาจากส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่สูงถึง 519 ลบ. (+151% QoQ, +374% YoY) จากโครงการไซยะบุรีที่ 343 ลบ. (1Q64: ขาดทุน -28 ลบ., 2Q63: ขาดทุน -59 ลบ.) จากปริมาณน้ำที่สูงมากทำให้ปริมาณผลิตไฟฟ้าสูงขึ้น ทางด้านกำไรขั้นต้นจากโรงไฟฟ้าหลัก (IPP และ SPP) ทรงตัว QoQ, -7% YoY โดยรายได้จาก IPP ที่สูงขึ้นจากไตรมาสก่อนที่โครงการเก็คโค่วันและ GLOW IPP หยุดซ่อมบำรุงถูกหักล้างจากกำไรจาก SPP ที่ลดลงตามต้นทุนก๊าซธรรมชาติและถ่านหินที่สูงขึ้น รวมถึงค่าซ่อมบำรุงก็สูงขึ้น แม้ปริมาณขายไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นตามความต้องการของลูกค้า IUs ที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายดำเนินงานในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้นมากตามค่าใช้จ่ายการทำดีล M&A 2 ดีลใหญ่ 
  • กำไรเติบโตขึ้นอีกใน 3Q64F ด้วยการเข้าสู่ฤดูฝนซึ่งเป็น High season ของโรงไฟฟ้า Hydro และปริมาณน้ำปีนี้สูงขึ้นมาก YoY ทำให้โครงการไซยะบุรีจะเป็นตัวหนุนกำไรให้กับ GPSC ต่อเนื่อง และคาดว่ากำไร 3Q64F จะเป็นจุดสูงสุดของปีรวมถึง GPSC จะเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก: 1) การลงทุน 41.6% ใน Avaada Solar farm ที่อินเดียมูลค่าลงทุนรวม 1.5 หมื่นลบ. โดยมีโรงไฟฟ้าที่ดำเนินการอยู่แล้ว 1,392 MW (579 Mwe); และ 2) การลงทุน 50% ใน Sheng Yang ซึ่งเป็น Solar farm ในไต้หวัน 55.8 MW (27.9 Mwe) อย่างไรก็ตาม คาดกำไรจะถูกลดทอนลงบางส่วนจากกำไรขั้นต้นของ SPP ที่มีแนวโน้มลดลงตามต้นทุนก๊าซธรรมชาติและถ่านหินซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้นจากการกู้ยืมเงินเพื่อเข้าลงทุนใน Avaada
  • ดีล M & A ช่วยหนุนกำไรให้เติบโตโดดเด่นขึ้น GPSC เพิ่งประกาศลงทุนใหญ่ใน 2 ดีลต่อเนื่องรวมมูลค่า 3.1 หมื่นลบ. ซึ่งจะทำให้อัตราส่วน Net IBD/E เพิ่มขึ้นจาก 0.7% เป็น 1.0x (สมมติฐานว่าใช้เงินลงทุนทันที) แม้จะไม่สูงเมื่อเทียบกับโรงไฟฟ้าใหญ่อื่น ๆ แต่ GPSC กล่าวว่าคงไม่มีดีล M&A ใหญ่อีกเร็วๆ นี้ โดยจะมุ่งเน้นการสร้างกำไรจากเงินลงทุนเดิมมากกว่า อย่างไรก็ตามการลงทุนทั้ง 2 ดีลใหญ่ดังกล่าวถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะหนุนกำไรของ GPSC ให้เติบโตโดดเด่นขึ้นใน 2H64F และต่อเนื่องถึงปีหน้า

คำแนะนำ

  • คงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายใหม่ 83 บ. เราปรับราคาเป้าหมายของ GPSC ขึ้นเป็น 83 บ. จากการเลื่อนปีฐานเป็นปีหน้าโดยมองว่า GPSC ยังมีปัจจัยหนุนระยะสั้นจากกำไรไตรมาสหน้า ซึ่งจะโดดเด่นขึ้นอีกจากไซยะบุรีและส่วนแบ่งกำไรจาก Avaada คงคำแนะนำ “ซื้อ” ทั้งนี้ใน 3Q64TD หุ้น GPSC เป็นหุ้นที่ต่างชาติและ NVDR ซื้อสะสมสูงสุดในกลุ่มโรงไฟฟ้า

ปัจจัยเสี่ยง

  • ภาวะเศรษฐกิจและปัจจัยแวดล้อม ได้แก่ เศรษฐกิจเติบโตต่ำกว่าคาด จนกระทบความต้องการใช้ไฟฟ้าของภาคอุตสาหกรรม ราคาก๊าซ อัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ย
  • ความล่าช้าของโครงการลงทุน ได้แก่ โครงการก่อสร้างหรืออยู่ระหว่างการพัฒนาไม่เป็นไปตามคาด 
- Advertisement -