ตลาดยังคงปรับฐาน กังวลเศรษฐกิจโลกถดถอย

ตลาดหุ้น วานนี้…SET Index ปิดที่ 1,622.28 จุด ลดลง 10.69 จุด (- 0.65%) มูลค่าการซื้อขาย 55,955.83 ล้านบาท ได้รับแรงกดดันจากความกังวลเศรษฐกิจโลกถดถอย ส่งผลให้มีแรงขายออกมาในกลุ่มพลังงานและอิเล็กทรอนิกส์

แนวโน้มตลาดวันนี้… ประเมิน SET Index แกว่งตัว sideway down ทดสอบแนวรับ EMA 100-200 วันที่ 1615 เป็นจุดพิจารณาเล่นรอบ แนวต้าน 1630 รับความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัว หลังผู้บริหารของธนาคารรายใหญ่ อย่างโกลด์แมน แซคส์, เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และแบงก์ ออฟ อเมริกา ได้ออกมาเตือนว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีหน้า ซึ่งเป็นผลมาจากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นเวลาที่ยาวนานขึ้น หลังจากดัชนีภาคบริการและตัวเลขจ้างงานสหรัฐพุ่งขึ้นมากกว่าคาดในเดือนพ.ย. สําหรับการประชุมเฟด 13-14 ธ.ค. คาดว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.5% สู่ระดับ 4.25- 4.50% และคาดการณ์จาก FedWatch Tool ระบุว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่กรอบ 5.00-5.25% ในเดือนพ.ค. 2566 ส่วนด้านการผ่อนคลายโควิด-19 ของจีน ล่าสุดมีการประกาศมาตรการป้องกันและควบคุม 10 ประการ ที่มีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ มากขึ้น เช่น ไม่บังคับปชช. ตรวจหาเชื้อ, ปรับลดความถี่ในการตรวจลง, ไม่ต้องแสดงผลตรวจโควิด-19 ในการเดินทางข้ามพื้นที่ ขณะที่วานนี้ตัวเลขเงินเฟ้อ พ.ย. ของไทยออกมาต่ำกว่าคาดมาที่ระดับ 5.55% ชะลอตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ตามการชะลอตัวของราคาสินค้าในกลุ่มอาหาร โดยเฉพาะผักสด ผลไม้สด และเนื้อสัตว์ มองเป็นบวกต่อกลุ่ม Domestic consumption ขณะที่วันนี้มีการนัดประท้วงหยุดเทรดของนักลงทุนรายย่อย มองเป็น Sentiment เชิงลบเล็กน้อยต่อวอลุ่มเทรด เพราะในท้ายที่สุดจะมีการเก็บภาษีขายหุ้นอยู่ดี เนื่องจากได้ผ่านการอนุมัติจาก ครม. แล้ว

กลยุทธ์การลงทุน … Selective Buy ในหุ้นที่อิงกับปัจจัยบวกภายในประเทศ

Investment themes… Domestic consumption AAV CENTEL CRC CPALL SINGER SYNEX CBG BBIK Anti-commodity EPG TASCO GULF SCGP

เคาะไป คุยไป … CPALL

  • สําหรับ 4Q65 มองว่ายอดค่าใช้จ่ายต่อบิลจะไม่ต่ำกว่า 80 บาท/บิล ตามภาวะเงินเฟ้อและการเปิดเมือง และ SSSG ยังเพิ่มขึ้นได้ในระดับ double digit (10-12%) ส่วนด้าน GPM มีแนวโน้มลดลงเล็กน้อยจาก product mix ที่เน้นกลุ่ม Foods มากขึ้น และภาระดอกเบี้ยสูง
  • แนวโน้มปี 66 ตั้งงบลงทุนในปีหน้าไว้ราว 11,000-12,000 ล้านบาท เพื่อใช้ขยายสาขาเซเว่นในประเทศจำนวน 700 สาขา ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น รองรับแผนงานด้านอื่นๆ ของบริษัทในอนาคต เช่นการปรับพื้นที่เป็น สถานีชาร์จรถ EV ในอนาคต

Global Markets

( + ) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกเล็กน้อยท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน จากความกังวลว่าการใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินของเฟดจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน

( – ) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน จากความวิตกมากขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย

(-) สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 4 จากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของอุปสงค์เชื้อเพลิงในสหรัฐ หลังจากตัวเลขสต็อกน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นของสหรัฐเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว

( + ) สัญญาทองคำ ตลาด COMEX ปิดบวกได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ

ประเด็นเด่นวันนี้

  • เงินเฟ้อพ.ย. ของไทยออกมาต่ำกว่าคาด พาณิชย์ รายงาน CPI พ.ย.ขยายตัว 5.55% YoY จากตลาดคาด 5.8-5.9% ซึ่งออกมาต่ำกว่าคาดจะเป็นปัจจัยหนุนให้ค่าเงินบาทแข็งค่ามากขึ้น เป็นบวกต่อกลุ่ม Domestic consumption และแนวโน้ม fund flow ไหลเข้า แม้ว่าต่าชาติได้ขายสุทธิต่อกัน 2 วัน กว่า 9 พันลบ. ทั้งนี้เรา ประเมินว่าภาพรวมอัตราเงินเฟ้อในปี 65-66 จะยังอยู่เหนือกรอบของ ธปท. ที่ 2% ส่วนภาพรวม 11M65 อัตราเงินเฟ้อขยายตัว 6.10%
  • กกร. ประเมิน GDP ไทยปี 56 โตต่ำกว่าภูมิภาค สัญญาณเศรษฐกิจยังเปราะบาง โดยกกร. คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 66 มีแนวโน้มขยายตัวที่ 3.0- 3.5% ซึ่งจะเป็นอัตราการเติบโตที่น้อยกว่าประเทศคู่เทียบในภูมิภาคอาเซียน ขณะที่การส่งออกประเมินว่าจะชะลอตัวตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอลง ซึ่งคาดว่าจะ ขยายตัวในกรอบ 1.0% ถึง 2.0% ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะอยู่ในกรอบ 2.7 ถึง 3.2% นอกจากนี้ยังได้เสนอภาครัฐให้ชะลอการปรับอัตรา Ft ของเดือนม.ค. – เม.ย. 66 ออกไปก่อน เพื่อบรรเทาผลกระทบของประชาชนและภาคธุรกิจ ขณะที่ยังแสดงความเห็นต่อนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท และจบปริญญาตรีเงินเดือน เริ่มต้น 25,000 บาท มองว่ากระทบต่อกลุ่ม SME และอาจเห็นการย้ายฐานการผลิตของผู้ประกอบการรายใหญ่
  • เทสลาเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า 2 รุ่นรุกตลาดไทย ท่ามกลางการแข่งขันด้านราคาจากจีน อย่างบีวายดี (BYD) และเกรท วอลล์ มอเตอร์ (Great Wall Motors) ที่ได้สร้างพันธมิตรและจัดตั้งโชว์รูมมาก่อนหน้านี้แล้ว โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 800,000 บาท ทั้งนี้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการประกอบและส่งออกรถยนต์รายใหญ่อันดับ 4 ของเอเชียสามารถผลิตรถยนต์ได้ประมาณ 1.5 ล้านถึง 2 ล้านคันต่อปี ซึ่งประมาณครึ่งหนึ่งเป็นรถยนต์สำหรับส่งออก  ในเชิงกลยุทธ์มองเป็นบวกต่อกลุ่ม EV system โดยเฉพาะกลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อที่ได้รับ sentiment เชิงบวกโดยตรง KKP TISCO ASK TIDLOR
- Advertisement -