บล.บัวหลวง: 

System Integrators – การเดินทางครั้งใหม่ในปี 2566 (OVERWEIGHT)

ไตรมาส 4/65 จะเป็นไตรมาสที่แข็งแกร่งที่สุดของปี 2565 เราชอบ MFEC มากที่สุดในกลุ่ม เนื่องจากบริษัทจะรายงานการเติบโตทั้ง YoY และ QoQ ในไตรมาส 4/65 และจะไม่เผชิญกับ dilution สําหรับปี 2566 เรายังคงชอบ MFEC มากที่สุดในกลุ่ม เนื่องจากบริษัทจะเปลี่ยนจากโครงการตามสั่งเป็น managed services ซึ่งเป็นรายได้ประจํา

ไตรมาส 4/65 จะรายงานกําไรสูงสุดของปี

สําหรับ MFEC เราคาดกําไรหลัก 109 ล้านบาทในไตรมาส 4/65 เพิ่มขึ้น 12% YoY และ 107% QoQ โครงการมีแนวโน้มที่จะรับรู้รายได้มากในไตรมาสที่สี่ ประมาณการ AIT ของเราบ่งชี้ไปที่กำไรหลักที่ลดลง 8% YoY (ฐานที่สูงในไตรมาส 4/64 เนื่องจากอัตรากําไรขั้นต้นที่สูงถึง 26%) แต่เติบโต 39% QoQ (การรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากโครงการใหม่ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง ซึ่งเริ่มในไตรมาส 3/65)

เราคาด ITEL จะรายงานกำไรหลัก 84 ล้านบาทในไตรมาส 4/65 ลดลง 11% YoY แต่เพิ่มขึ้น 56% QoQ เนื่องจาก Blue Solutions มีงานใหม่ 2 โครงการ ที่ทําให้ กฟผ. ซึ่งมีมูลค่ารวม 317 ล้านบาท งานในมือจากธุรกิจบริการติดตั้งโครงข่ายของ ITEL ณ สิ้นเดือนก.ย. 2565 ซึ่งจะรับรู้ในไตรมาส 4/65 อยู่ที่ 439 ล้านบาท ในขณะที่ของ Blue Solutions อยู่ที่ 259 ล้านบาท งานในมือที่รวมกันของ ITEL และ Blue Solutions ครอบคลุม 93% ของประมาณการรายได้ของเราสําหรับธุรกิจบริการติดตั้งโครงข่าย

ระมัดระวังต่อแนวโน้มในปี 2566 ของ AIT และ ITEL

เราคาดกำไรหลักในปี 2566 ของ ITEL ที่ 314 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% YoY หนุนโดยโครงการใหม่ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง (ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ 3,500 ล้านบาท และกำไรสุทธิที่ 320 ล้านบาท) โครงการ e-Budgeting ชนะมาแล้ว แต่โครงการอื่นๆ ยังมีความไม่แน่นอน เช่น การประมูลของ กสทช. ที่ล่าช้า ITEL มีมุมมองเชิงบวกต่อโครงการหลักสูตรออนไลน์ (มูลค่า 305 ล้านบาท) และคาดว่าจะประกาศผู้ชนะการประมูลในเร็วๆ นี้ สำหรับ AIT เราคาดกำไรหลักที่ 654 ล้านบาทในปี 2566 เพิ่มขึ้น 10% YoY ควบคู่ไปกับการฟื้นตัวหลังเปิดเมือง เป้าหมายรายได้ปี 2566 ของผู้บริหารอยู่ที่ 7,000 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโตเพียง 3% (ประมาณการของเราอยู่ที่ 7,098 ล้านบาท)

MFEC โฉมใหม่

เราคาดกำไรหลัก MFEC ในปี 2566 ที่ 318 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% YoY บริษัทคาดกำไรสุทธิจะเติบโต 45-60% เนื่องจากกําไรจากการขาย Vulcan Digital Delivery (VDD) ให้กับ Bluebik Group Plc (BBIK) ในไตรมาส 1/66 ในการขาย VDD นั้น MFEC กำลังเปลี่ยนจากผลิตภัณฑ์และบริการ high-code (สั่งทำ) ไปเป็น low-code หรือ no-code (managed services ที่พัฒนาโดยใช้โค้ดแบบโอเพ่นซอร์ส) ดีลดังกล่าวถือเป็นการสิ้นสุดแผนระยะเวลา 5 ปีของ MFEC โดยขณะนี้กําลังวางแผนใหม่

ตอนน้ียังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าการเปลี่ยนแปลงจะส่งผลอย่างไร ดังนั้นเราจึงคงประมาณการกำไรหลักในปี 2566 ของเราไว้เท่าเดิมในปี 2565 BBIK คาดว่า VDD จะรายงานรายได้ 295 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 32 ล้านบาทหรือคิดเป็น 12% ของประมาณการกำไรหลักของ MFEC ปี 2565 ของเรา หาก MFEC ไม่สามารถแทนที่รายได้นี้ในปี 2566 การเติบโตของกำไรหลักของบริษัทจะชะลอตัวลงจาก 17.6% มาอยู่ที่ 8.7% ในทางกลับกัน บริษัทจะได้รับเงินสด 641 ล้านบาท ซึ่งลงทุนให้ได้ผลตอบแทนเพียง 5% ก็ชดเชยผลตอบแทนจาก VDD ได้แล้ว ธุรกิจใหม่ๆ จะเกี่ยวกับ ESG เช่น การตรวจวัดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ และการวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับเกษตรกร นอกเหนือจากวงเงินกู้ 2,000 ล้านเยน (520 ล้านบาท) จากบริษัทแม่ TIS Inc. (เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน) แล้ว MFEC ยังได้ขอเงินสดเพิ่มเพื่อลงทุนในกองทุนสตารท์อัพใหม่

- Advertisement -