Daily Focus: Domestic and Selective Play

2023 SET Target: 1760

ตลาดหุ้นวานนี้: SET Index ปรับตัวขึ้นดีในช่วงเปิดตลาดแต่ยังมีแรงขายออกมากดดัน ทำให้ดัชนีอ่อนลงมาเหลือปิดบวก 2.78 จุด ณ สิ้นวัน ตลาดรอดูตัวเลข CPI สหรัฐฯ และการประชุม FED สัปดาห์นี้ โดยสถาบันในประเทศซื้อสุทธิในตลาดหุ้นอีก 1.1 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิบางๆ 32 ลบ. (แต่พลิกมา Short Index Futures กว่า 1 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้:  เราคาด SET Index แกว่ง Sideways Up ในกรอบ 1,620-1,635 จุด จากบรรยากาศการลงทุนที่ผ่อนคลายมากขึ้น หลังตัวเลขเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ เดือน พ.ย. ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด ส่งผลให้ Bond Yield ปรับตัวลงรวมถึง Dollar Index ที่อ่อนตัวแรง สะท้อนเม็ดเงินที่ออกจากดอลลาร์เข้าซื้อสินทรัพย์ต่างๆ กลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะต้นและกลางน้ำ คาดว่าจะหนุนตลาดตามราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวแรง 3% รวมถึงกลุ่มเทคโนโลยีที่มีโอกาสฟื้นตัวจากความคาดหวังว่า FED จะชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. 22 – มี.ค. 23 โฟกัสในระยะถัดไปจะไปอยู่ที่การชะลอตัวของตัวเลขเศรษฐกิจในปีหน้า ซึ่งเป็นความเสี่ยงหลักที่ตลาดกังวล ด้านภูมิภาคเอเชียยังมีปัจจัยบวก คือ การทยอยผ่อนคลายมาตรการคุม COVID- 19 ของจีนอย่างค่อยเป็นค่อยไปต่อเนื่อง ส่วนปัจจัยในประเทศปัจจัยขับเคลื่อนหลักยังอยู่ที่การบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัว โดยเฉพาะการหาเสียงเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในต้นปีหน้า รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว ซึ่งทั้งหมดคาดว่าจะชดเชยภาคการส่งออกที่มีความเสี่ยงชะลอจากเศรษฐกิจโลก กลยุทธ์จึงยังเน้นลงทุนโดยเฉพาะกลุ่ม Domestic และ Consumption Play เป็นหลัก

กลยุทธ์ : เน้นลงทุนในกลุ่ม Domestic Play ตามเศรษฐกิจที่ทยอยเร่งตัว // ยังถือลงทุนต่อเนื่องหลังสะสมหุ้นเพิ่มไปแล้วช่วงปรับฐาน

หุ้นเด่นเดือน ธ.ค. : BBL, BDMS, CRC, M, MAJOR

หุ้นเด่นวันนี้ : MAKRO

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายจาก FSSIA 42 บาท
  • แนวโน้มผลการดำเนินงาน 4Q22-2023 คาดฟื้นตัวแกร่งตามการ Reopening และเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัวหนุน SSSG และผลประกอบการทั้ง Makro และ Lotus’s เร่งตัว
  • เราคาดปี 2023 จะเป็นปีที่กำไรของ MAKRO ฟื้นตัวอย่างมีนัยยะ และเริ่มเห็น Synergy กับ Lotus’s มากขึ้นรวมถึงค่าใช้จ่ายหลังควบรวม และ Rebrand ที่ลดลง ส่วน Free Float ที่เพิ่มขึ้นเป็น 15% จะเป็นปัจจัยบวกต่อการเข้าคำนวณดัชนีสำคัญทั้ง MSCI และ ESG Index ในระยะถัดไป
  • แนวรับ 37.50-37 บาท แนวต้าน 39.50-40//42 บาท

Fund Flow: วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคหนาแน่น US$626 ล้าน นำโดยไต้หวัน US$444 ล้าน รองลงมาคือเกาหลีใต้ US$100 ล้าน ส่วนฝั่งอาเซียนยังคงไหลออกมากสุดที่อินเดีย US$112 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดมีโอกาสพลิกมาไหลเข้า หลัง Dollar Index อ่อนค่าจากเงินเฟ้อสหรัฐฯที่ต่ำคาด แต่คาดปริมาณยังไม่หนาแน่นนัก เนื่องจากยังต้องรอดูการประชุม FED นัดสุดท้ายของปีคืนนี้

ประเด็นสําคัญวันนี้

(+) เงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ เดือน พ.ย. ต่ำกว่าคาด เงินเฟ้อทั่วไป +0.1% M-M, +7.1% Y- Y ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐาน +0.2% M-M, +6% Y-Y ถือเป็นสัญาณบวกต่อทิศทางเงินเฟ้อในระยะถัดไป โดยเฉพาะการเพิ่มขึ้น M-M ที่เริ่มชะลอลงชัดเจนเหลือ +0.1-0.2% ซึ่งหมายความได้ว่าเงินเฟ้อในระยะ 1 ปีข้างหน้าจะปรับขึ้นราว 2-3% Y-Y เข้าใกล้กรอบเป้าหมายของ FED มากขึ้น ส่วนการประชุม FED คืนนี้ตลาดคาดปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.5% เป็น 4.25-4.50% ค่อนข้างแน่ที่ปัจจัยที่ต้องจับตา คือ ประมาณการเศรษฐกิจชุดใหม่ว่าจะปรับการเติบโตของ GDP ลงหรือไม่  รวมถึงเงินเฟ้อและ Dot Plot ซึ่งปัจจุบันตลาดคาดดอกเบี้ยปี 2023 จะสูงสุดที่ 5-5.25%

(+) TACC โทนการประชุมเป็นบวก คาดกำไร 4Q22 จะทั่งถึงปรับขึ้น Q-Q เพราะยังมีสต๊อกต้นทุนสูง ทำให้ Gross Margin คาดยังทรงตัว แต่คาดยังเห็นการเติบโตที่ดี Y-Y ขณะที่แนวโน้ม 1Q22 จะสดใสมากขึ้นจากสต๊อกต้นทุนสูงที่ทยอยหมดไป ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 2023 โต 10-15% เร่งขึ้นจากปี 2022 ที่คาดโต 10% จากทั้งรายได้ผ่าน 7-11 ตามการ Reopening และการขยายสาขาทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงกลุ่ม Non 7-11 ทั้งกลุ่ม เครื่องดื่มและ Character Business รวมถึงมีแผน M&A เรายังคาดกำไรปี 2022-2023 +9% Y-Y และ +14% Y-Y ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ประมาณการปี 2022 มี Upside ราว 6% ราคาหุ้นปัจจุบันเทรด PER เพียง 14 เท่า เราปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2023 ที่ 10 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(0) คาดหุ้นเข้าออก SET50/SET100 สำหรับ SET50 คาดหุ้นเข้า CENTEL COM7 DELTA RATCH หุ้นออก BLA IRPC KCE SAWAD ส่วน SET100 คาดหุ้นเข้า AAV BA BYD DELTA NEX TVO หุ้นออก BEC MAJOR STEC SUPER SYNEX TTA

 

(+) ตลาดดาวโจนส์ ปิดเพิ่มขึ้น 103.60 จุด หรือ +0.30% ปิดที่ 34,108.64 จุด ขานรับตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) ของสหรัฐที่ออกมาเพิ่มขึ้น 7.1% ต่ำกว่าที่ตลาดคาด 7.3% ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้ FED อาจชะลอการขึ้นดอกเบี้ย

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก จากตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐที่ออกมาต่ำกว่าคาด

(+) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับขึ้น ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐฯ

(+) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 34.61 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดเพิ่มขึ้น 2.22 ดอลลาร์ หรือ 3% ปิดที่ 75.39 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาด และการอ่อนค่าของดอลลาร์ ในขณะที่เช้านี้ย่อลงที่ระดับ 75.00 ดอลลาร์/บาร์เรล -0.52%

(+) ราคาทองคำ COMEX ปิดเพิ่มขึ้น 33.2 ดอลลาร์ หรือ 1.85% ปิดที่ 1,825.5 ดอลลาร์/ออนซ์ จากตัวเลขเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาด และการอ่อนค่าของดอลลาร์ ในขณะที่เช้านี้ย่อลงที่ระดับ 1,821.1 ดอลลาร์/ออนซ์ -0.24%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 912.72 / +2.32

 

- Advertisement -