บล.ฟิลลิป:

โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ – GPSC คาดผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุด

Key Point

คาดผลการดำเนินงานปี 2566 ฟื้นตัวจากราคาก๊าซธรรมชาติผ่านจุดสูงสุดแล้ว และผลการดำเนินงานในอนาคตยังได้แรงหนุนจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งได้เข้าร่วมประมูลพลังงานหมุนเวียน 5.2 GW ในไทยซึ่งจะรองรับการเติบโตเพิ่มเติม และยังเป็นหุ้นที่จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ ทางฝ่ายยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐาน 84 บาท

ต้นทุนก๊าซกดดันผลการดำเนินงานปี 2565

ทางฝ่ายคาดผลการดำเนินงานทั้งปี 2565 อยู่ที่ 1,562 ลบ. แม้คาดว่า GPM ใน 4Q65 จะเพิ่มเป็น 6.1% ปรับตัวขึ้นจาก 2.4% ใน 3Q65 เนื่องจากรับรู้การปรับค่า Ft เป็น 93.43 สตางค์เต็มไตรมาส และยังได้แรงหนุนจากการ COD โครงการ SPP Replacement ของ Glow Energy Phase 2 แบ่งเป็น Unit 1 ในช่วง พ.ย. 2565 และ Unit 2 ธ.ค. 2565 มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 200 MW และกำลังการผลิตไอน้ำ 300 ตันต่อชั่วโมง แต่อย่างไรก็ตาม คาดกำไรสุทธิจะอ่อนตัวลง q-q เนื่องในในช่วงไตรมาส 4 บ.จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าปกติ

คาดปี 2566 ผลการดำเนินงานฟื้นตัว y-y

ทางฝ่ายคาดผลการดำเนินงานปี 2566 จะฟื้นตัวอยู่ที่ 4,271 ลบ.+173% y-y จากฐานกำไรที่ต่ำในปี 2565 เนื่องจากได้รับผลจากราคาก๊าซที่สูง แต่การปรับค่า Ft ทำได้จำกัด ขณะที่ปี 2566 แม้แนวโน้มราคาก๊าซธรรมชาติจะยังทรงตัวระดับสูงหากเทียบกับอดีต แต่คาดราคาก๊าซธรรมชาติและถ่านหินได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว อีกทั้งจะรับรู้การปรับค่า Ft เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าเต็มปีจะช่วยลดผลกระทบการดำเนินงานลง และจะ COD เพิ่มราว 600 MW ในโครงการ Avaada

ผลการดำเนินงานในอนาคตจะเติบโตไปพร้อมกับกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น

ผลการดำเนินงานในอนาคตของ GPSC คงได้แรงหนุนจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประกอบไปด้วย 1) โครงการหน่วยผลิตไฟฟ้าจากกากน้ำมัน (ERU) มีกำลังการผลิตไฟฟ้าอยู่ที่ 250 ที่ MW และจะ SCOD ในปี 2568 2) โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในอินเดีย (Avaada) ที่ COD ไปตั้งแต่ปี 2564 และอยู่ระหว่างการเพิ่มกำลังการผลิต ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นในปี 2567 (กำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งสิ้น 4,634 MW, สัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 42.93) 3) โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมในไต้หวัน (CFXD) มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 595 MW และมีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 25 ซึ่งคาดว่าจะ COD ในช่วง 1Q67 ซึ่งโครงการทั้งหมดได้รวมอยู่ในประมาณการแล้ว

ทางฝ่ายประเมินราคาพื้นฐานปี 2566 อยู่ที่ 84 บาท

ทางฝ่ายประเมินราคาพื้นฐานปี 2566 อยู่ที่ 84 บาท ด้วยวิธี DCF (WACC = 5.13%, Terminal growth=2%) ทางฝ่าย ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” จากผลการดำเนินงานที่คาดว่าจะฟื้นตัว y-y หลังผ่านจุดต่ำสุด และผลการดำเนินงานที่ยังคงเติบโต จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ GPSC ยังเป็นหุ้นที่จ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ

ความเสี่ยง

  1. การเปลี่ยนแปลงของนโยบายภาครัฐ
  2. การเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน
  3. ต้นทุนพลังงาน
- Advertisement -