Our View? “พักแปป..ไหวแล้วไปเอง”
คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,627 / 1,622 และแนวต้านที่บริเวณ 1,638 / 1,645 เมื่อคืนนี้ที่ประชุม FOMC ของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) มีมติขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 4.50% ตามที่เราและตลาดคาดไว้ ขณะที่คาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ของ FED เห็นการส่งสัญญาณถึงแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของ FED ในช่วงปีหน้า สูงสุดที่ระดับ 5.10% และจะคงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวไปจนถึงสิ้นปี’66 สอดคล้องกับคาดการณ์ของเราก่อนหน้าที่คาด FED จะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีหน้า จนอัตรา ดอกเบี้ยสูงสุดอยู่ที่ราว 5.00-5.25% ก่อนที่ FED อาจหยุดขึ้นดอกเบี้ยในช่วง 1H166 และคงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวไป จนถึงช่วง 4Q′66 โดยนายเจอโรม พาวเวล ประธาน FED เปิดเผยว่าขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงการลดดอกเบี้ย โดยจะใช้เครื่องมือทุกอย่างเพื่อให้เงินเฟ้อกลับเข้าสู่ระดับ 2.00% คาดจะส่งผลให้ตลาดกังวลต่ออัตราดอกเบี้ยที่จะอยู่ในระดับสูง อาจกดดันทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐที่มีคาดเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ในระยะถัดไป อย่างไรก็ตาม เรามองเป็นจิตวิทยาเชิงลบต่อทิศทางตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นเท่านั้น คาดจะสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นได้ในระยะถัดไป
ขณะที่ทิศทาง Dollar Index ล่าสุดปรับตัวลงทำจุดต่ำสุดใหม่ในภาพระยะสั้นต่อเนื่อง อยู่ที่ระดับ 103.6+/- จาก ก่อนหน้าเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 104.0+/- จากการที่ FED เริ่มชะลอการขึ้นดอกเบี้ยลงใกล้เคียงกับธนาคารกลางอื่นอาทิ ECB และ BOE ที่คาดจะขึ้นดอกเบี้ยที่ระดับ 0.50% เช่นเดียวกันในวันนี้ ส่งผลให้ทิศทางค่าเงินในภูมิภาครวมถึงค่าเงินบาทแข็งค่า ล่าสุดค่าเงินบาทเช้านี้อยู่ที่ระดับ 34.6 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ กระตุ้นความน่าสนใจในการลงทุนตลาดในภูมิภาครวมถึงหุ้นไทย หนุนกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าได้อีกครั้ง
ทางด้านสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ส่งมอบเดือน ม.ค. เมื่อคืนนี้ยังคงรีบาวด์ขึ้นต่อปิดที่ระดับ 77.28 ดอลลาร์/บาร์เรล +1.89 ดอลลาร์ (+2.51%) ได้รับแรงหนุนจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกจะเพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล/วัน ในปี’66 สู่ระดับ 101.6 ล้านบาร์เรล/วัน จากความต้องการน้ำมันในจีนและอินเดียฟื้นตัว ขณะที่การผลิตน้ำมันของรัสเซียคาดจะลดลง ขณะที่ OPEC+ คาดการณ์อุปสงค์น้ำมันจะเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล/วัน ในปี’66 สู่ระดับ 101.8 ล้านบาร์เรล/วัน จากการผ่อนคลายด้านภูมิรัฐศาสตร์และการควบคุม COVID-19 ของจีน เรามองปัจจัยดังกล่าวจะหนุนทิศทางราคาน้ำมันดิบรีบาวด์กลับขึ้นได้ในระยะสั้น และคาดจะหนุนทิศทางหุ้นในกลุ่มพลังงานรีบาวด์ขึ้นได้ต่อ
สำหรับปัจจัยในประเทศเรายังมุมมองภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในภาพของการฟื้นตัวต่อเนื่อง จากแรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยวและบริโภคของภาคเอกชน และถือเป็นเพียงไม่กี่ประเทศในโลกที่เศรษฐกิจสามารถขยายตัวต่อเนื่องในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า อีกทั้งแนวโน้มการเลือกตั้งใหญ่ของไทยที่จะเกิดขึ้นในช่วงเดือน มี.ค.- พ.ค. ’66 เป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางตลาดหุ้นไทย โดยเรายังคงชอบหนุนต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีก (CPALL, CRC, MAKRO และ BJC) ต่อเนื่อง ทั้งนี้คาด ครม. อาจมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีต่อได้ รวมทั้งเรายังชอบหุ้นในกลุ่มโฆษณา (PLANB และ VGI) ที่คาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และฟื้นตัวขึ้นโดดเด่นตั้งแต่ช่วง 3Q65 คาดจะหนุนทิศทางราคาพื้นตัวกลับขึ้นได้ต่อ และหุ้นในกลุ่มบริการสถานีน้ำมัน (BCP, OR และ PTG) คาดจะสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นได้อีกครั้งตามการเข้าสู่ช่วงวันหยุดในเทศกาลปีใหม่หนุนการเดินทางมากขึ้น เป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางหุ้นในกลุ่มดังกล่าว ขณะที่เริ่มเห็นธนาคารพาณิชย์ทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยตอบรับผลการประชุม กนง. ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางหุ้นในกลุ่มธนาคาร (KBANK, BBL, SCB และ KTB) อีกทั้งเรามีมุมมองเชิงบวกต่อการที่ ตลท. เปิดเผยมีหุ้นไทยเข้าติดดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (DJSI) เพิ่ม 3 บริษัทคือ CRC, GPSC และ SCGP โดยจะปรับนํ้าหนักวันที่ 19 ธ.ค. คาดจะเห็นแรงซื้อหุ้นดังกล่าวได้ ในส่วนของการที่ CPF ประกาศซื้อหุ้นคืนในวงเงินไม่เกิน 5 พันล้านบาท คิดเป็นราว 2.32% ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค. 65 – 18 มิ.ย. 66 เรามองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางราคาช่วยจํากัด Downside ของ CPF และอาจมีแรงซื้อเก็งก่าไรเล่นรีบาวด์ได้บ้างในช่วงสั้น
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนำวันนี้ “SCGP”
กลยุทธ์ ทยอยซื้อสะสม แนวรับ 57.50 / 56.50 Target 60.00 / 64.00 Stop <56.00