Daily Focus: Domestic and Defensive Play

2023SET Target: 1760

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways Down โดยระหว่างวันปรับลงใกล้แนวรับ 1,610 จุด จากความกังวลโอกาสเกิด Recession ในปีหน้า ก่อนจะมีแรงซื้อกลับทำให้ดัชนีฟื้นขึ้นมาปิดลบเพียง 1.27 จุด ณ สิ้นวัน สถาบันในประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้น 1.6 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาซื้อสุทธิ 2.3 พันลบ. (และพลิกมา Long Index Futures 1.6 หมั่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่ง Sideways ตามบรรยากาศการลงทุนทั่วโลกที่ยังขาดปัจจัยบวก  แนวรับหลักระยะสั้นยังคงอยู่ที่ 1,610 จุด ตลาดยังกังวลทิศทางเศรษฐกิจโลกในปีหน้าที่เสี่ยงเกิด Recession ในฝั่งสหรัฐฯ และยุโรป จากผลกระทบของเงินเฟ้อที่สูงยาวนานในช่วงเกือบ 1 ปีที่ผ่านมา และขณะที่นโยบายการเงินของ FED และ ECB ที่มีแนวโน้มตึงตัวตลาดทั้งปี 2023 ส่งผลให้เม็ดเงินยังไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงและเข้าถือครองพันธบัตร สะท้อนผ่าน Bond Yield สหรัฐฯ ที่ชะลอตัว อย่างไรก็ตาม เรายังมองทิศทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียยังดูแข็งแรงกว่าตะวันตก โดยเฉพาะอาเซียนรวมถึงไทยที่ยังคงมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักจากการบริโภคในประเทศและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว และคาดจะได้ประโยชน์ในระยะถัดไปจากจีนที่มีแนวโน้มทยอยผ่อนคลายมาตรการคุม COVID-19 ต่อเนื่อง รวมถึงมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายต้นปีหน้าและการหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งจะชดเชยภาคการส่งออกที่มีความเสี่ยงชะลอจากเศรษฐกิจโลก กลยุทธ์จึงยังเน้นลงทุนโดยเฉพาะกลุ่ม Domestic และ Consumption Play เป็นหลัก

กลยุทธ์ : เน้นลงทุนในกลุ่ม Domestic Play ตามเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัว//ยังถือลงทุนต่อเนื่องหลังสะสมหุ้นเพิ่มไปแล้วช่วงปรับฐาน

หุ้นเด่นเดือน ธ.ค. : BBL, BDMS, CRC, M, MAJOR

หุ้นเด่นวันนี้ : TACC

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 10 บาท
  • คาดกำไร 4Q22 -18% Q-Q, +1% Y-Y แม้คาดรายได้ฟื้นตัวดีตามการ Reopen แต่ถูกกระทบจากต้นทุนที่สูงขึ้น หลังใช้สต็อกราคาต่ำหมดไปใน 2Q22 ส่งผลต่อ Margin ให้ชะลอลง อย่างไรก็ตาม ยังคาดกำไร 4Q22 จะกลับมาฟื้นตัวตามฤดูกาล
  • เรายังคาดกำไรสุทธิปี 2022-2023 +9% Y-Y และ +14% Y-Y ตามลำดับ แนวโน้มต้นทุนเริ่มปรับลดลง และคาดจะเป็นบวกต่อกำไรใน 1H23 กอปรกับการขยายธุรกิจในต่างประเทศจะเป็น Catalyst ในปี 2023
  • แนวรับ 6.40//6 บาท แนวต้าน 6.70-6.80//7 บาท

Fund Flow : เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคต่อเนื่องอีก US$320 ล้าน โดยกระจุกตัวที่ไต้หวัน US$587 ล้าน แต่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$203 ล้าน ส่วนอาเซียนเม็ดเงินผสมผสานและเบาบาง มีเพียงไทยที่ไหลเข้าหนาแน่นพอสมควร US$66 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนไปในทิศทางไหลออกจากความกังวลเศรษฐกิจปีหน้าที่เสี่ยง เกิด Recession ในฝั่งสหรัฐฯและยุโรป

ประเด็นสําคัญวันนี้

(+) สัปดาห์นี้ติดตามครม.เคาะมาตรการของขวัญปีใหม่ โดยคาดว่าจะเข้าที่ประชุมครม. วันอังคารที่ 20 ธ.ค. นี้ ทั้งโครงการช้อปดีมีคืนที่คาดว่าจะมีการเพิ่มวงเงินเป็น 4 หมื่นบาท (ร้านค่าทั่วไป 3 หมื่นบาทและซื้อผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์อีก 1 หมื่นบาท) ซึ่งก.คลังคาดแม้จะทำให้สูญเสียรายได้ภาษีราว 8 พันลบ. แต่จะทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียน 5.6 หมื่นลบ. รวมถึงมาตรการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 จำนวน 1.5 ล้านสิทธิสำหรับส่วนลดค่าโรงแรม 40% และคูปองใช้จ่าย 600 บาทต่อคืน วงเงิน 5.4 พันลบ. ซึ่งคาดว่าจะเริ่มต้นโครงการในเดือน ม.ค. 23 เรามองยังคงเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคและการท่องเที่ยว ได้แก่ ค้าปลีก ร้านอาหาร โรงแรม

(+) ILM เราคาดกำไรปกติ 4Q22 +7% Q-Q, +9% Y-Y หนุนจาก High season รวมถึง ยอดขายโครงการที่ดีขึ้นตามการฟื้นตัวของภาคอสังหาฯ ทำให้ SSSG คาดสามารถโตได้ใน ระดับ Mid-single digits ส่วนรายได้ค่าเช่าคาดโตได้ Y-Y จากส่วนลดค่าเช่าที่หายไปตามการ Reopening แต่ทรง Q-Q จากการปรับพื้นที่เช่าทำให้มีช่วง Gap ระหว่างเปลี่ยนผู้เช่ารายเดิมและผู้เช่ารายใหม่ เราคาดกำไรทั้งปี 2022 +41% Y-Y ขณะที่ปี 2023 คาดเร่งขึ้น +8% Y-Y จากการ Reopening เต็มปีและการเปิดสาขาใหม่ ยังคงราคาเป้าหมาย 23.80 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(0) คาดหุ้นเข้าออก SET50/SET100 สำหรับ SET50 คาดหุ้นเข้า CENTEL COM7 DELTA RATCH หุ้นออก BLA IRPC KCE SAWAD ส่วน SET100 คาดหุ้นเข้า AAV BA BYD DELTA NEX TVO หุ้นออก BEC MAJOR STEC SUPER SYNEX TTA

 

(-) ตลาดดาวโจนส์ ปิดลดลง 281.76 จุด หรือ -0.85% ปิดที่ 32,920.46 จุด ยังถูกกดดันจากความกังวลว่า FED จะยังคงใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวด เพื่อควบคุมเงินเฟ้อให้กลับสู่กรอบเป้าหมาย

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ หลังธนาคารกลางทั้ง ECB, FED และ BOE ต่างก็ส่งสัญญาณว่าจะยังคงใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวดต่อไป

(-) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับลง จากความกังวลภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย

(+) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 34.80 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดลดลง 1.82 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 74.29 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังธนาคารกลางหลายแห่งยังคงดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวดต่อไป ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ในขณะที่เช้านี้รีบาวน์ที่ระดับ 75.00 ดอลลาร์/บาร์เรล +0.96%

(0) ราคาทองคำ COMEX ปิดเพิ่มขึ้น 12.40 ดอลลาร์ หรือ 0.69% ปิดที่ 1,800.20 ดอลลาร์/ออนซ์ ฟื้นตัวขึ้นหลังจากที่ปรับตัวผันผวน แต่ลดลง 0.6% ในรอบสัปดาห์นี้ จากที่ FED ส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไป ในขณะที่เช้านี้ปรับขึ้นต่อที่ระดับ 1,802.70 ดอลลาร์/ออนซ์ +0.14%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 910.40 / +3.48

- Advertisement -