สรุปภาวะตลาด

วันอังคารที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวลงแรงสอดคล้องกับตลาดในภูมิภาค สาเหตุมาจากธนาคารกลางญี่ปุ่นประกาศขยายกรอบอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลญี่ปุ่นจากระดับ -0.25% ถึง +0.25% เป็นระดับ -0.5% ถึง +0.5% ทำให้ตลาดกังวลต่อการปรับนโยบายการเงินดังกล่าว จึงเกิดแรงเทขายหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,604.65 จุด -13.76 จุด -0.85% มูลค่าการซื้อขาย 58,701 ลบ. ต่างชาติ -1,737.29 ลบ. TFEX -28,117 สัญญา ตราสารหน้ี -4,006.65 ลบ.

ปัจจัยบวก+

+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 80 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 76.09 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และข่าวสหรัฐวางแผนซื้อน้ำมันเพื่อนำเข้าสู่คลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) อย่างไรก็ดี  ตลาดถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ในจีน รวมทั้งสภาพอากาศที่หนาวเย็นในสหรัฐที่อาจส่งผลให้ชาวอเมริกันหลายล้านคนเดินทางน้อยลงในช่วงเทศกาลวันหยุด

+ ส.อ.ท.โชว์ยอดผลิตรถยนต์งวด พ.ย.สูงสุดในรอบ 44 เดือน มีความหวังทั้งปี 65 ผลิตทะลุ 1.8 ล้านคัน เผยรถอีวีโตก้าวกระโดด หวังไทยขึ้นแท่นฐานผลิตแบตเตอรี่อีวีชนิดใหม่ หลังพบไทยมีวัตถุดิบตั้งต้นจำนวนมาก

+ ครม. เห็นชอบมาตรการ “ช้อปดีมีคืน” ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งในครั้งนี้กำหนดค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าและบริการนำมาลดหย่อนภาษีได้ในวงเงิน 40,000 บาท เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 ส่วนมาตรการ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5” ยังไม่เข้าครม.

+ ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 92.20 จุด หรือ +0.28% ฟื้นตัวหลังจากร่วงลงติดต่อกัน 4 วันทำการ อย่างไรดี นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการใช้จ่ายที่อ่อนแอในช่วงเทศกาลวันหยุดของผู้บริโภค และอัตราผลตอบแทน พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ปรับตัวขึ้น หลัง BOJ ประกาศขยายกรอบอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลในการประชุมเมื่อ วานนี้

+/- ธนาคารกลางจีนประกาศคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปีที่ระดับ 3.65% และคงอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีที่ระดับ 4.30% สอดคล้องกับคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

ปัจจัยลบ-

– นายโอเลกซี เรซนิคอฟ รัฐมนตรีกลาโหมยูเครน กล่าวว่า รัสเซียอาจรวบรวมกำลังทหารในเบลารุสเพื่อโจมตี ยูเครนครั้งใหม่ แต่เขาหวังว่ากองทัพเบลารุสจะไม่เข้าร่วมปฏิบัติการดังกล่าวกับรัสเซีย

– ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ -0.1% และจะเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นสู่ 9 ล้านล้านเยน (6.75 หมื่นล้านดอลลาร์) ต่อเดือน จากปัจจุบันที่ 7.3 ล้านล้านเยนต่อเดือน โดยมีเป้าหมายที่จะตรึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีไว้ที่ 0%

– ธนาคารโลกปรับลดแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน เนื่องจากการดำเนินนโยบายโควิดเป็นศูนย์เป็นระยะเวลาเกือบ 3 ปี และภาวะตกต่ำของภาคอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนซึ่งใหญ่ เป็นอันดับ 2 ของโลก

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาส Rebound ระยะสั้นตามทิศทางตลาดต่างประเทศ หลังปรับตัวลงแรงวันก่อน โดย นักลงทุนยังจับตาตัวเลข PCE ในวันศุกร์นี้ เพื่อรอดูทิศทางเงินเฟ้อของสหรัฐ คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,600- 1,615 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

  • SET 50 : หุ้นเข้า CENTEL COM7 DELTA RATCH หุ้นออก BLA IRPC KCE SAWAD SET 100 : หุ้นเข้า AAV BYD DELTA JAS NEX SABUY THG หุ้นออก AEONTS MAJOR STEC SUPER SYNEX TASCO TTA มีผล 30 ธ.ค.65
  • ลุ้นช้อปดีมีคืนปี 66 : BJC CPALL MAKRO CRC COM7 SPVI CPW JMART HMPRO ZEN M AU
  • จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด -19 ในประเทศเร่งตัวขึ้น : BCH CHG EKH THG WPH
  • สินค้าส่งออกเดือน ต.ค. ที่ยังเติบโตได้ดี : TEAM HANA KCE SMT

หุ้นรายงานพิเศษ

WARRIX – บริษัท วอริกซ์ สปอร์ต จำกัด (มหาชน) mai/CONSUMP (ราคา IPO 6.30 บาท) ราคาเหมาะสม consensus 8.50-8.80 บาท

  • WARRIX เป็นเป็นผู้ประกอบธุรกิจหลักเป็นผู้จำหน่ายเสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬารวมถึงเสื้อผ้าอื่นๆ ที่ใช้ได้ทั้งในชีวิตประจำวัน และในการทำกิจกรรมต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยบริการคลีนิคกายภาพบำบัดยังมีสัดส่วนน้อยกว่าร้อยละ 1 ของรายได้รวม
  • บริษัทมีรายได้ปี 62-64 และงวด 6M65 เท่ากับ 700.1 ลบ. 661.9 ลบ. 658.1 ลบ. และ 697.5 ลบ. ตามลำดับ และรายงานผลประกอบการ ปี 62-64 และงวด 6M65 มีกำไรสุทธิที่ 12.0 ลบ. 12.7 ลบ. 14.2 ลบ. และ 65.4 ลบ. ตามลำดับ เนื่องจากในช่วงต้นปี 2565 สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด 19 เริ่มคลี่คลายลง บริษัทจึงทำการสั่งสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ซึ่งทำให้บริษัทสามารถขายสินค้าได้เพิ่มมากขึ้น  จึงทำให้รายได้จากการขายสินค้าคลาสสิค และสินค้าคอลเลคชั่นของบริษัทเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ GPM ปี 62-64 และงวด 6M65 อยู่ที่ 42.2% 40.6% 41.2% และ 45.4% โดยอัตรากำไรขั้นต้น 9M65 เนื่องจากการปรับราคาขายสินค้าคอลเลคชั่นใหม่ในช่วงช่วงปลายปี 2564 ต่อเนื่องถึงปี 2565 สำหรับสินค้า Licensed และ Non –Licensed
  • จำนวนหุ้น IPO ไม่เกิน 180.0 ล้านหุ้น คิดเป็นไม่เกิน 30.0% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาทต่อหุ้น โดยราคา IPO คิดเทียบกับ P/E บริษัทที่ใกล้เคียงกัน ได้แก่ SABINA 19.4× และ RSP 18.2x วัตถุประสงค์การระดมทุน 1. โครงการก่อสร้างศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา และสำนักงาน ถนนพระราม 9 2.ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ

หุ้นมีข่าว

(+) CHAYO (ซื้อเก็งกำไร ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 9.75 บาท) แจ้งว่าศาลมีคำสั่งเพิกถอน หรือยกเลิกคำร้องการคัดค้านการเพิกถอนการขายทอดตลาดหลักประกัน ทำให้การขายทอดตลาดเมื่อวันที่ 28 มี.ค. 65 มีผลตามกฎหมาย ทั้งนี้ หลักประกันที่นำมาขายทอดตลาดเป็นที่ดิน จ.พังงา บริเวณเกาะยาวใหญ่พื้นที่ 282 ไร่เศษมูลค่า 900.80 ล้านบาท (ที่มา SET NEWS)

ความเห็น คำสั่งศาลทำให้บริษัทสามารถเรียกชำระเงินได้ ซึ่งคาดจะบันทึกเป็นรายได้ในช่วง 1Q66 และมีกระแสเงินสดไปใช้ซื้อหนี้ NPL เข้าพอร์ตต่อยอดการดำเนินธุรกิจหลัก ฝ่ายวิจัยคาดว่าจะมีกำไรพิเศษราว 270 -300 ล้านบาทซึ่งจะเป็นอัพไซต์ผลการดำเนินงานในปี 66 ทั้งน้ี Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 65-66 เฉลี่ย 306 ล้านบาท +40%YoY และ 423 ล้านบาท และ +38%YoY ตามลำดับ แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร”

(+) SABUY (Bloomberg consensus – บาท) ภาพชัดรายได้ปีหน้า 2 หมื่นล้านบาท ทะยานต่อจากปีนี้แตะ 5 พันล้านบาท คาดสินทรัพย์พุ่งแรง 3-4 หมื่นล้านบาท นำมาต่อยอด นำอีโคซิสเต็มผูกลงทุน TSR-AIT-AS จับตาดีลใหญ่ต่อยอดขึ้นช้ันระดับอาเซียน ลุยซื้อกิจการวีไอ แนะมองมูลค่าสินทรัพย์สูงกว่ากระดาน ตีราคาทุน 12 บาท ล่าสุดเข้าคำนวณ SET100 รอบใหม่อีกด้วย (ที่มา ทันหุ้น)

(+) AAV (Bloomberg consensus 3.07 บาท) ลั่นปีหน้าพลิกทำกำไร จากการรุกตลาดต่างประเทศทั้งรักษาฐานการตลาดเดิม และเปิดเส้นทางศักยภาพใหม่ เตรียมปรับราคาตั๋วโดยสารขึ้นเฉลี่ย 20% รับต้นทุนน้ามันทรงตัวสูง โชว์ปริมาณเครื่องบิน 53 ลำ พร้อมบินตรงสู่จีนทันทีที่แผนการเปิดประเทศชัดเจน คาดหนุนนักท่องเที่ยวทั้งปี 2566 พุ่งแตะ 30 ล้านคน (ที่มา ทันหุ้น)

(+) TOG (Bloomberg consensus 11.00 บาท) กางแผนปี 2566 ยอดขายเติบโตไม่ต่ำกว่า 12% จากปีก่อน เดินเกมรุกขยายตลาดอเมริกาตอนใต้ รับยอดขายยุโรปอาจชะลอตัวจากผลกระทบเงินเฟ้อ-พลังงาน-สงคราม อัดงบ 800 ล้านบาท เสริมแกร่งกำลังผลิตเลนส์ส่วนบุคคล ยิ่มผลงานไตรมาส 4/2565 พีคสุด เข้าไฮซีซั่นคำส่ังซื้อไหลเข้าทะลัก (ที่มา ทันหุ้น)

ปัจจัยจับตาในประเทศ

  • สัปดาห์ที่ 5 สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) แถลงดัชนีอุตสาหกรรม
    • สํานักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
  • 30 ธ.ค. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย

ปัจจัยจับตาต่างประเทศ

  • 21 ธ.ค. สหรัฐ รายงานดุลบัญชีเดินสะพัด 3Q65 ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.
  • 22 ธ.ค. สหรัฐ เปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ GDP 3Q65 ดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนพ.ย. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนพ.ย.
  • 23 ธ.ค. ญี่ปุ่นรายงานอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย. และธนาคารกลางญี่ปุ่นเปิดเผยรายงานการประชุม
    • สหรัฐ รายงานยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย. ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนพ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือนธ.ค.
  • 26 ธ.ค. ไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ เนื่องจากตลาดส่วนใหญ่ปิดทำการในเทศกาลคริสต์มาส
- Advertisement -