ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้
รีบาวด์แต่ไม่น่าแรง ความเสี่ยงจากภายนอกยังจำกัดทางขึ้น
ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันพุธ รีบาวด์แต่ไม่น่าแรง ภาพรวมยังมีแรงกดจากความไม่แน่นอนในฝั่งต่างประเทศ… ขณะที่เมื่อวานนี้ ตลาดหุ้นไทยปิดลบ 0.85% อ่อนแอกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ตามความกังวลต่อเศรษฐกิจโลกชะลอตัว + นักลงทุนตกใจข่าวปรับแนวนโยบายการเงินของ ธ.กลาง ญี่ปุ่น (BoJ) ที่ขยายกรอบของบอนด์ยิลด์ 10 ปี จากเดิม +/- 0.25% เป็น +/- 0.50%… ขณะที่ในวันนี้ ปัจจัยโดยรวมเป็นกลางๆ กล่าวคือ i) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัวหลังปรับฐานลงมา 4 วันติดต่อกัน แต่ยังไม่มีปัจจัยบวกเข้าสู่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ แต่อย่างใด ขณะที่ตัวเลขภาคอสังหาริมทรัพย์ เดือน พ.ย. ออกมา mixed กัน โดยจำนวนใบอนุญาตก่อสร้างร่วงหนัก 11.2% MoM (แย่กว่าคาด) แต่ตัวเลขยอดเริ่มสร้างบ้านลดลงเพียง 0.50% MoM (ดีกว่าที่ตลาดคาด) และตลาดยังคงอยู่ในช่วงติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ต่อไป เพื่อประเมินความเสี่ยงของ recession… ด้านปัจจัยภายในประเทศเมื่อวานนี้ที่ประชุม ครม. อนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน ซึ่งรวมถึงช้อปที่มีคืน 4 หมื่นบาท/คน และการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างรวมทั้งการยืดเวลาการลดค่าโอนและค่าจดจำนองอสังหาฯ ออกไปอีก ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อแนวโน้มการใช้จ่ายบริโภคในช่วงไตรมาส 1/2566
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน
เก็งกำไร CHAYO, OR*, TISCO*
- CHAYO (เป้า Consensus 10.0 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 7.85 บาท / แนวต้าน 8.15 – 8.25 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสรีบาวด์ทดสอบแนวต้านถัดไป 8.65 บาท (Stop loss 7.75 บาท) 2) ประเมิน Sentiment บวก จากกรณีที่วานนี้ศาลฯ มีคำสั่งเพิกถอนคำร้องการคัดค้านการเพิกถอนการขายทอดตลาดของหลักประกันของลูกหนี้รายหนึ่ง ทำให้เราคาดว่า CHAYO จะสามารถรับรู้รายได้ +/-900 ล้านบาทใน 1Q66 (กำไรราว +/- 300 ล้านบาท) หลังจากที่ประเด็นนี้ล่าช้ามาตั้งแต่เดือน มี.ค.65 เราประเมินเป็นกระแสเงินสดที่เข้าในบริษัท +/-900 ล้านบาทจะสามารถ i) นำไปซื้อหนี้เสีย +/-1 หมื่นล้านบาท หรือ ii) จ่ายคืนหนี้ ลดภาระดอกเบี้ยจ่ายได้ปีละ 50 – 60 ล้าน บาท 3) เราประเมินผลการดำเนินงานปีหน้าจะกลับมาโตเด่น YoY หลังจากที่เริ่มซื้อหนี้เข้ามาแล้ว + 1 หมื่นล้านบาท Consensus คาดกำไรโต +74% YoY เป็น 400 ล้านบาท Forward PE ปีหน้าลดลงเหลือ 21.4 เท่า … เราประเมินมี Upside ให้ Consensus ปรับประมาณการฯ ขึ้น
- OR* (เป้าพื้นฐาน 33.5 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 22.7 บาท / แนวต้าน 23.2 – 23.4 บาท กรณี Rebound พ้นกรอบแนวต้านนี้ไปได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้าน 24.0 บาท (Stop loss 22.6 บาท) 2) เราประเมินราคาหุ้นปรับลง Oversold มีโอกาส Rebound ระยะสั้น ขณะที่ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินผลกระทบต่อกรณีการที่กองทุนต่างชาติแห่งหนึ่งจะถอนการลงทุนในหุ้น OR* ไม่กระทบต่อปัจจัยพื้นฐานอย่างมีนัยสำคัญ … อย่างไรก็ดี ฝ่ายวิจัยฯประเมินมีโอกาสที่ OR* ตั้งสำรองฯ ธุรกิจคลังน้ำมันที่พม่า มูลค่าราว 700 – 900 ล้านบาท (กระทบ EPS 0.08 บาท/หุ้น) แต่ไม่ได้กระทบปัจจัยพื้นฐานระยะยาว 3) ฝ่ายวิจัยฯยังคงคาดธุรกิจปั๊มน้ำมันฟื้นตัวเด่นจากการเปิดประเทศและค่าการตลาดฯ ที่ฟื้น รวมทั้งคาดไม่มีผลขาดทุนสต๊อกน้ำมันก้อนใหญ่เช่นใน 3Q65
- TISCO* (เป้าพื้นฐาน 107.5 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 98.75 บาท / แนวต้าน 100 – 102 บาท กรณี Break ผ่านแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 107 บาท (Stop loss 97.75 บาท) 2) ประเมิน Sentiment บวกจากยอดขายรถยนต์ที่กลับมาฟื้นตัวแรง โดยเฉพาะกระแสรถยนต์อีวี รวมทั้งสินเชื่อธุรกิจที่ฟื้นตัวตั้งแต่ 3Q65 ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไรปีหน้าโต +10.6% YoY 3) Forward PE 10 เท่า (เท่ากับค่าเฉลี่ยในอดีต) และคาดปันผลสำหรับปี 2565 หุ้นละ 7.5 บาท (Yield 7.6%)
หุ้นมีข่าว
(+) โด๊ปเศรษฐกิจส่งท้ายปี (ฐานเศรษฐกิจ) คลอด 33 มาตรการเงินสะพัด 2.7 แสนล. ค้าปลีกเฮ ช้อปดีมีคืน กระตุ้นกำลังซื้อ ครม.ไฟเขียว “ของขวัญปีใหม่ 2566” คลังอัด 33 มาตรการ คาดเงินสะพัด 2.78 แสนล้าน กระตุ้นเศรษฐกิจ ค้าปลีกเฮ “ช้อปที่มีคืน” ให้หักลดหย่อนภาษีเพิ่มเป็น 4 หมื่นบาท จัดแคมเปญรับคึกคัก ลดภาษีที่ดิน 15% แบงก์รัฐอุ้มลูกค้าดีถ้วนหน้า ตีกลับ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส5” ให้ททท. ปรับใหม่ ภายในงบ 4 พันล้าน เที่ยวในประเทศ
(+) ค่ายรถชู ‘2566’ ปีทองตลาดอีวี ปีหน้าจดทะเบียนทะลุ 3.5 หมื่นคัน – ผู้บริโภคเชื่อมั่นยานยนต์ไฟฟ้า (กรุงเทพธุรกิจ) คาดมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจดทะเบียนแตะ 1 หมื่นคัน ส.อ.ท.เผยแนวโน้มตลาดรถยนต์ แบตเตอรี่ไฟฟ้า BEV ปีหน้าขยายตัวต่อเนื่อง รับมาตรการอุดหนุนภาครัฐ รวมทั้งความเชื่อมั่นต่อรถอีวีมากขึ้น หลังค่ายรถอีวีระดับโลกเตรียมเข้ามาลงทุน คาดยอดขายรถอีวี ปี 66 แตะ 35,000 คัน คาดอีก 4 ปี ราคาเท่ารถยนต์สันดาป “เอชเซม” เผยยอดจดทะเบียนจักรยานยนต์ อีวี 11 เดือน 8.7 พันคัน คาดปีหน้าทะลุหมื่นคัน
(+) SINGER ทุ่มงบ 640 ล. ซื้อคืน 18 ล้านหุ้น (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา) ซิงเกอร์ประเทศไทย เตรียม วงเงินไม่เกิน 640 ล้านบาท เปิดโครงการซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 18 ล้านหุ้น คิดเป็นไม่เกิน 2.19% ด้วยการซื้อผ่านกระดาน SET เริ่มตั้งแต่วันที่ 23 ธันวาคม 65-23 มีนาคม 66 หวังบริหารสภาพคล่องส่วนเกิน เพิ่มผลตอบแทนและความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือหุ้น
(+) BRR แจกวอร์แรนต์ให้ผู้ถือหุ้นเดิม เตรียมทุนสำรองเสริมฐานแกร่งใช้ขยายงาน (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา) บอร์ด “น้ำตาลบุรีรัมย์” ออกวอแรนต์ BRR-W1 และ BRR-W2 รวม 243.63 ล้านหน่วย ให้ผู้ถือหุ้นเดิมจัดสรร BRR-W1 อัตรา 5 หุ้นเดิมต่อ 1 หน่วยวอร์แรนต์ กำหนดราคาการใช้สิทธิ 7.50 บาทต่อหุ้น และ BRR-W2 อัตราส่วน 10 หุ้นเดิมต่อ 1 หน่วยวอร์แรนต์ ราคาการใช้สิทธิ 13.00 บาทต่อหุ้น เพื่อเตรียมความพร้อมและเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทฯ ในการดำเนินโครงการในอนาคต และเป็นทุนหมุนเวียน เตรียมขอมติผู้ถือหุ้น 23 ม.ค. 2566 นี้
(+) BGRIM* ประกาศเข้าลงทุน 4 โครงการใหม่ในเกาหลีใต้รวม 1,030.6MW or 560MWe (20.4% ของ กำลังการผลิต BGRIM 2,748MWe) ดังนี้ 1. Jodo Wind Offshore Power (517MW or 362MWe (hold 70% stake)) 2. Shinan-Eoui Wind Offshore Power (99MW or 14.9MWe (hold 15% stake)) (SCOD: 3Q25) 3. Cheonsa-Eoui Wind Offshore Power (99MW or 14.9MWe (hold 15% stake)) (SCOD: 3Q25) 4. Gunghung Offshore Wind Offshore Power (240MW or 168MWe (hold 70% stake))
ความเห็น: เรามองบวกกับดีลนี้หลังจากที่ BGRIM ไม่ค่อยมีดีลใหม่เลยในปีนี้ ซึ่งเรามองว่าปี 2023 บริษัท จะปิดดีลอื่นๆ ได้มากขึ้น ในเบื้องต้นเราประเมิน upside ต่อกำไรระยะยาวราว 10-15% และราคาเป้าหมาย 1.5-2.0 บาท หากอิง EIRR 12-15%, D/E project finance of 70:30, capacity factor 25% ทั้งนี้หลังจากราคาหุ้นเริ่มลงบ้างเล็กน้อย เรามองว่าเป็นโอกาสในการซื้อ โดยเชื่อว่าหุ้นจะวิ่งขึ้นได้ต่อจากการฟื้นตัวของกำไรที่แรงในปี 2023 และการปรับเพิ่มประมาณการของตลาดเพื่อสะท้อนโครงการใหม่นี้ นอกเหนือไปจากเรื่องขึ้นค่า Ft… เรายังแนะนำซื้อ BGRIM ราคาเป้าหมาย 42.50 บาท
หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า
- CPALL* (เป้าพื้นฐาน 74 บาท) แนวรับ 65.25 บาท / แนวต้าน 68-69 บาท (Trailing stop 65 บาท)
- GLOBAL (เป้าพื้นฐาน 24.4 บาท) แนวรับ 20.8 บาท / แนวต้าน 21.3-22.0 บาท (Trailing stop 20.2 บาท)
- WHA* (เป้าพื้นฐาน 4.4 บาท) แนวรับ 3.84 บาท / แนวต้าน 3.98-4.06 บาท (Stop loss 3.82 บาท)
- GPSC* (เป้าพื้นฐาน 74 บาท) แนวรับ 70.75 บาท / แนวต้าน 73.0-75.5 บาท (Stop loss 70 บาท)
- BDMS* (เป้าพื้นฐาน 36.5 บาท) แนวรับ 27.75 บาท / แนวต้าน 28.5-30.0 บาท (Stop loss 27.5 บาท)
- INTUCH* (เป้า Consensus 81.4 บาท) แนวรับ 74.5 บาท / แนวต้าน 76.5-78.0 บาท (Stop loss 74.0 บาท)
- M* (เป้าพื้นฐาน 68.75 บาท) แนวรับ 57.25 บาท / แนวต้าน 58.25-59.5 บาท (Stop loss 57.0 บาท)
- SHR (เป้าพื้นฐาน 4.90 บาท) แนวรับ 3.88 บาท / แนวต้าน 3.98-4.04 บาท (Stop loss 3.88 บาท)
- GULF* (เป้าพื้นฐาน 58 บาท) แนวรับ 53.5 บาท / แนวต้าน 55-56 บาท (Stop loss 53.25 บาท)
- BJC* (เป้า Consensus 38.7 บาท) แนวรับ 34.0 บาท / แนวต้าน 35.0-36.0 บาท (Stop loss 33.75 บาท)
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
- กลุ่มโรงไฟฟ้า น้ำหนักลงทุน “เท่ากับตลาดฯ” ฝ่ายวิจัยฯ Catalyst การลงทุนในปี 2566 ได้แก่ i) แผน PDP ฉบับใหม่ของไทยและเวียดนามที่จะออกใน 1Q66 และภายใน 1H66 ตามลำดับ ii) แนวโน้มผลการดำเนินงานจะกลับมาฟื้นตัว iii) ปัจจัยภายนอกอื่นๆ กลับมาหนุน (อาทิ อัตราผลตอบแทนพันธบัตร อัตราแลกเปลี่ยน เป็นต้น) หุ้นเด่นเลือก GULF รองลงมาเลือก GPSC* และ BGRIM*
หมายเหตุ: 1.* บริษัทอาจเป็นผู้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์บนหลักทรัพย์นี้ / 2. เป้าพื้นฐาน หมายถึง ราคาเป้าหมายเชิงพื้นฐาน (Forecasted 12M Target price) ที่อ้างอิงจากบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานฉบับล่าสุดของฝ่ายวิจัยฯ / 3. เป้า Consensus หมายถึง ค่าเฉลี่ยของราคาเป้าหมายเชิงพื้นฐานที่จัดทำโดย Bloomberg consensus หรือ IAA Consensus