Daily Focus: Domestic and Defensive Play

2023SET Target : 1760

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ฟื้นตัวได้ต่อเนื่องตามบรรยากาศการลงทุนที่ดูดีขึ้น ดัชนีปิดบวกได้อีกเล็กน้อย 6.73 จุด นำโดย MAKRO รวมถึงกลุ่มพลังงานที่ได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นแรง สถาบันในประเทศซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 773 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายบางๆ 172 ลบ. (และพลิกมา Long Index Futures 1.6 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index มีแนวโน้มแกว่งตัว Sideways Down ในกรอบ 1,600-1,620 จุด จากบรรยากาศการลงทุนที่กดดันจากฝั่งสหรัฐฯ ซึ่งแม้ตัวเลขเศรษฐกิจทั้งผู้รับสวัสดิการว่างงานที่ต่ำกว่าคาด และปรับ GDP 3Q22 ขึ้นเป็น +3.2% Q-Q แต่ตลาดตีความว่าเศรษฐกิจที่ยังร้อนแรง อาจทำให้เงินเฟ้อยังปรับลงช้าและทำให้ FED จําเป็นต้องดำเนินนโยบายการเงินตึงตัวและยาวนานขึ้น คืนนี้ต้องติดตามตัวเลขเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯเดือน พ.ย. 22 ว่าจะชะลอตัวลงตามคาดหรือไม่ ส่วนปัจจัยในประเทศรอดูตัวเลขส่งออกเดือน พ.ย. ตลาดคาด -5.2% Y-Y ประกอบกับค่าเงินบาทที่ค่อนไปในทางแข็งค่าทำให้หุ้นในกลุ่มส่งออกคาดฟื้นตัวได้จำกัด ปัจจัยหนุนหลักยังคงอยู่ที่การบริโภคในประเทศและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว ขณะที่จีนยังมีทิศทางผ่อนคลายนโยบาย Zero-COVID ต่อเนื่อง โดยระยะสั้น 1Q23 มีโอกาสเห็นจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตเร่งขึ้น แต่เมื่อสถานการณ์คลี่คลายจะเป็นบวกต่อเศรษฐกิจทั้งจีนและภูมิภาคในระยะถัดไป รวมถึงไทยที่จะได้อานิสงส์โดยเฉพาะภาคท่องเที่ยว กลยุทธ์จึงยัง เน้นลงทุนโดยเฉพาะกลุ่ม Domestic/Consumption และ Reopening Play เป็นหลัก

กลยุทธ์ : เน้นลงทุนในกลุ่ม Domestic Play ตามเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัว//ยังถือลงทุนต่อเนื่องหลังสะสมหุ้นเพิ่มไปแล้วช่วงปรับฐาน

หุ้นเด่นเดือน ธ.ค. : BBL, BDMS, CRC, M, MAJOR

หุ้นเด่นวันนี้ : BBL

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายจาก IAA Consensus 171.90 บาท
  • แนวโน้มกำไร 4Q22 คาดว่าจะเติบโตทั้ง Q-Q และ Y-Y ในอัตราที่สูงขึ้น แม้สินเชื่อคาดว่าจะทรงตัว Q-Q จากการชำระหนี้ของลูกค้าที่สูงขึ้น แต่ได้แรงหนุนจากทั้งส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่กว้างขึ้นและการตั้งสำรองที่มีแนวโน้มลดลง
  • Consensus คาดกำไรปี 2022-2023 +13% Y-Y และ +12% Y-Y ตามลำดับ ตามทิศทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว และคาดเป็นหนึ่งในธนาคารที่ได้อานิสงส์สูงสุดจากดอกเบี้ยขาขึ้น จากสินเชื่อภาคธุรกิจที่สูง ด้าน Valuation ยังค่อนข้างถูก เทรด PBV เพียง 0.5 เท่า ต่ำกว่าช่วงก่อน COVID-19 ที่ราว 0.8 เท่า
  • แนวรับ 142//140 บาท แนวต้าน 146-147//150 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลเข้าภูมิภาคแต่ไม่ได้หนาแน่นนักที่ US$247 ล้าน โดยส่วนใหญ่กระจุกที่ไต้หวัน US$273 ล้าน เกาหลีใต้ไหลเข้าบางๆ อาเซียนเม็ดเงินไหลเข้าอินโดนีเซียเล็กน้อย แต่ไหลออกจากเวียดนามหนาแน่น US$105 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดพลิกมาไหลออกบางๆ โดยขาดปัจจัยใหม่กระตุ้น ตลาดยังกังวลเงินเฟ้อและโอกาสเศรษฐกิจถดถอยปีหน้า

ประเด็นสําคัญวันนี้

(0) วันนี้จับตาตัวเลขเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ เดือน พ.ย. ตลาดคาด Core PCE +4.7% Y-Y ชะลอจากเดือนก่อนที่ +5% Y-Y เรามองตัวเลขเงินเฟ้อจะเป็นปัจจัยกำหนดทิศทางตลาดในสัปดาห์สุดท้ายของปี หากตัวเลขออกมาชะลอตัวและผ่อนคลายกว่าคาด ประเมินว่ามีโอกาสที่จะเห็นแรงซื้อสินทรัพย์เสี่ยงกลับได้ ในทางกลับก่อนหากตัวเลขออกมาสูงกว่าคาดจะกดดัน ตลาดอย่างต่อเนื่องจากความกังวลนโยบายการเงินที่จะตึงตัวสูงและยาวนานกว่าที่ประเมิน รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงเกิด Recession ปีหน้า

(+) SAPPE คาดกำไร 4Q22 -28% Q-Q ตามฤดูกาล แต่โตดี +132% Y-Y และคาดเป็นกำไรไตรมาส 4 ที่ท่าจุดสูงสุดใหม่ ปัจจัยหนุนการเติบโตยังมาจากรายได้ต่างประเทศซึ่งประสบความสําเร็จในการขยายช่องทางการขายได้ดี จบปี 2022 คาดรายได้ส่งออกจะโตแข็งแกร่งถึง +58% Y-Y ผู้บริหารยังตั้งเป้ารายได้ปี 2023 โตต่อเนื่องอีกไม่ต่ำกว่า 25% Y-Y ถือว่า Aggressive กว่าสมมติฐานของเราพอควร แม้แนวโน้มค่าเงินบาทจะแข็งค่าและจะเริ่มว่าจ้างผู้ผลิต OEM ตั้งแต่ 1 ก.พ. เพราะกำลังการผลิตถูกใช้เต็ม แต่คาดถูกหักล้างได้ทั้งหมดด้วยคำสั่งซื้อที่ยังเติบโตต่อ รวมถึงต้นทุน Pet Resin เริ่มปรับลงตั้งแต่ 4Q22 ขณะที่ค่าไฟที่สูงขึ้นคาด กระทบกำไรค่อนข้างจำกัดไม่เกิน 2% ดังนั้นจึงยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2022-2023 ไว้ ตามเดิมโต +53% Y-Y และ +11% Y-Y ตามลำดับ คงราคาเป้าหมาย 52 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(0) หุ้นเข้าออก SET50/SET100 งวด 1H23 สำหรับ SET50 หุ้นเข้า CENTEL COM7 DELTA RATCH หุ้นออก BLA IRPC KCE SAWAD ส่วน SET100 หุ้นเข้า AAV BYD DELTA JAS NEX SABUY THG หุ้นออก  AEONTS MAJOR STEC SUPER SYNEX TASCO TTA

 

(-) ตลาดดาวโจนส์ ปิดลดลง 348.99 จุด หรือ -1.05% ปิดที่ 33,027.49 จุด จากตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 2,000 ราย สู่ระดับ 216,000 แต่ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 222,000 ราย ทำให้นักลงทุนยังกังวลถึงการดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวดเป็นเวลานานกว่าที่คาดไว้

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ ถูกกดดันจากการลดลงของตลาดหุ้นสหรัฐท่ามกลางความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐจะยังปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไป จากตัวเลขตลาดแรงงานที่ดีกว่าที่คาด

(-) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดลง ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ ขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อพื้นฐานญี่ปุ่นออกมาที่ระดับ 3.7% สูงสุดในรอบกว่า 40 ปี (ตั้งแต่ Dec 1981)

(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 34.90 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดลดลง 80 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 77.49 ดอลลาร์/ บาร์เรล จากนักลงทุนกังวลว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED และจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในประเทศจีน ในขณะที่เช้านี้รีบาวน์ที่ระดับ 78.17 ดอลลาร์/บาร์เรล +0.88%

(-) ราคาทองคำ COMEX ปิดลดลง 30.1 ดอลลาร์ หรือ 1.65% ปิดที่ระดับ 1,795.3 ดอลลาร์/ออนซ์ ถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ในขณะที่เช้านี้รีบาวน์ที่ระดับ 1,799.2 ดอลลาร์/ออนซ์ +0.22%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 913.88 / –

- Advertisement -