KS Daily View 26.12.2022 > ติดตามมาตรการกระตุ้นจากรัฐบาล เน้นลงทุนหุ้นปัจจัยบวก/ กำไรเติบโตต่อเนื่อง SET คาดแกว่งตัว 1615-1625 จุด หุ้นแนะนำวันนี้ SHR, CK
สรุปตลาดหุ้นเมื่อวันศุกร์ : ตลาดหุ้นสหรัฐ Rebound ดัชนี Dow Jones 0.53%DoD, S&P500 0.59%, NASDAQ 0.21% โดย Sector ในดัชนี S&P500 กลุ่มที่ปรับขึ้นหลักๆ คือ กลุ่ม Energy 3.16%, Communication Services 1.08%,Utilities 1.05%ฯลฯ ส่วนกลุ่มที่ Underperform คือกลุ่ม Health Care 0.08% แรงหนุนมาจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาดีคือ มหาวิทยาลัยมิชิแกนรายงาน ดัชนีความเชื่อมั่นขั้นสุดท้ายของผู้บริโภคสหรัฐเดือนธ.ค. 59.7 จุด สูงกว่าตลาดคาดที่ 59.1 จุด และเพิ่มขึ้น 56.8 ในเดือนพ.ย. และตัวเลขคาดการณึคาดเงินเฟ้อสหรัฐในช่วง 5 ปีข้างหน้า จะแตะระดับ 2.9% ต่ำกว่าระดับ 3.0% ที่มีการสำรวจในเดือนที่แล้ว ในประเทศ : SET Index เมื่อวานปิด 1617.55 จุด (+0.05%DoD) โดยหุ้นที่ปรับลงหลักๆ นำโดย JTS -11.2%, JMT -3.7%, EA -1.8% ส่วนหุ้นที่ปรับขึ้น CRC+1.1%, CPN +1.09%, ฯลฯ
ประเด็นที่ต้องติดตาม :
1.) ติดตามตัวเลขส่งออกและนำเข้าไทย เดือน พ.ย. คาด -5% YoY และ +0.6% MoM ตัวเลขดุลการค้าของไทยคาด -US$0.1bnเลื่อนไปประกาศสัปดาห์หน้า
2.) ติดตามราคาก๊าซธรรมชาติที่ยุโรปปรับตัวลง โดย Dutch TTF ล่าสุดลดลงเหลือ 83 ยูโรต่อ MWh (-30% WoW) และต่ำสุดนับแต่ต้นปี 2022 มองเป็นบวกกับกลุ่มโรงแรมในยุโรป คือ MINT, SHR
3.) ติดตามมาตรการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 เริ่มต้นปี 2566 มองบวกต่อโรงแรมในประเทศ อาทิ ERW และ CENTEL
4.) China linked covid-outbreak sector: ติดตามการระบาดของผู้ป่วยโควิดในจีนซึ่งล่าสุด Ft มีรายงานว่าอาจมีคนจีนติดเชื้อโควิดสูงกว่า 250 ล้านคนในช่วง 20 วันที่ผ่านมา และล่าสุดอาจสูงมากกว่า 30 ล้านคนต่อวัน จนกรมควบคุมโรคของจีนยกเลิกการรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันไปแล้ว โดยมองว่าในระยะสั้นอาจเป็นบวกกับกลุ่มที่ขายยา (MEGA) หรือถุงมือยาง (STGT) จากอุปสงค์ที่เร่งตัวในระยะสั้น นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญด้าน Supply Chain ได้ออกมาเตือนว่าการเร่งตัวของการระบาดอาจกระทบกับการผลิตในจีนบ้าง ทำให้ผู้ประกอบการอาจต้องมีการเตรียมตัว เช่นการโยกออเดอร์ไปยังโรงงานอื่นๆเพื่อลดผลกระทบ ทำให้กลุ่ม Electronics ในไทยอาจได้ประโยชน์ทางอ้อม
5.) Media/Commerce sector: ติดตามว่าแนวทางการจัดงานปีใหม่ ซึ่งหน่วยงานราชการหลายแห่งเร่ิมงดจัดกิจกรรมรื่นเริง หรือ การ countdown เป็นต้น
ทิศทางตลาดหุ้นไทยตลอดสัปดาห์ : เราประเมินแนวรับของตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ที่ 1604 จุด ในช่วงที่เหลือของปีนี้ประเมินหากดัชนีรับอยู่และไม่หลุด 1600/1585 ส่วนแนวต้านสัปดาห์คาด 1650 จุด โดยเรายังคาดว่าอาจจะยังเห็น Santa Claus Rally และ Window dressing ต่อ SET Index ในปีนี้เหมือนในอดีต โดยอิงสถิติในอดีตนับตั้งแต่ปี 1988 พบว่า ผลตอบแทนของ SET Index ในเดือน ธ.ค. ดูดีคือ ปรับเพิ่มขึ้นเป็นบวก 21 ครั้งจาก 35 ครั้ง ด้วยโอกาส 60% และบวกเฉลี่ย 7.4% และในช่วง 5 วันสุดท้ายของปี ปรับเพิ่มขึ้นเป็นบวก 26 ครั้งจาก 35 ครั้งและบวกเฉลี่ย 3.7% โดยมุมมองสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง แนะนำให้ถือหุ้นข้ามปีและและไปรอลุ้นการรายงานตัวตัวเลขเศรษฐกิจเดือนม.ค. ทั้ง Unemployment rate, Retail sale, CPI, PPI ของสหรัฐ เนื่องจากในสัปดาห์นี้ภาพใหญ่ในประเทศไม่ได้มีอะไรสำคัญ หลักๆคือ ติดตามตัวเลขส่งออกและนำเข้าไทย เดือน พ.ย. คาด -5% YoY และ -0.8% MoM ตัวเลขดุลการค้าของไทยคาด -US$0.2bn ประชุม ครม.วันอังคารคาดจะมีการอนุมัติมาตรการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 เริ่มต้นปี 2566 และผลักดันมาตรการโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลในช่วงโค้งสุดท้ายของ
Theme หุ้นแนะนำสัปดาห์นี้ :
1)หุ้นที่มีโอกาสถูกทำ Window dressing คือ หุ้นที่กองทุนถือติด top 5 แนวโน้มผลประกอบการปีหน้าดี และมีสภาพคล่องการซื้อขายปานกลางถึงต่ำ เช่น MAKRO, AEONTS, GLOBAL, M เป็นต้น
2) ราคาก๊าซธรรมชาติที่ยุโรปปรับตัวลง โดย Dutch TTF ล่าสุดลดลงเหลือ 83 ยูโรต่อ MWh (-30% WoW) และต่ำสุดนับแต่ต้นปี 2022 มองเป็นบวกกับกลุ่มโรงแรมในยุโรป คือ MINT, SHR
3) มาตรการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 เริ่มต้นปี 2566 มองบวกต่อโรงแรมในประเทศ อาทิ ERW และ CENTEL รวมถึงการผลักดันมาตรการโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลในช่วงโค้งสุดท้ายของปี มองบวกต่อกลุ่มรับเหมา เราชอบ CK
ประเมินตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดกรอบ 1615-1625 จุด หุ้นแนะนำ SHR, CK
Top pick :
SHR (ราคาพื้นฐาน 4.66 บาท)
เรายังคงมุมมองที่เป็นบวกต่อ SHR
1.) คาดกำไรที่สูงขึ้นในงวด 4Q22 จากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในประเทศและช่วงไฮซีซั่นในมัลดีฟส์
2.) ราคาก๊าซธรรมชาติที่ยุโรปปรับตัวลง โดย Dutch TTF ล่าสุดลดลงเหลือ 83 ยูโรต่อ MWh (-30% WoW) และต่ำสุดนับแต่ต้นปี 2022 บวกกับ SHR
CK (ราคาพื้นฐาน 30.8 บาท) คาดบริษัทฯ จะเซ็นสัญญา 2 โครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ภายในสิ้นปี 2565 ได้แก่
1) โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ฝั่งตะวันออก (มูลค่าก่อสร้าง 9.6 หมื่นลบ.)
2) โครงการเขื่อนและโรงไฟฟ้าหลวงพระบาง (มูลค่าก่อสร้าง 8.0 หมื่นลบ.)
ปัจจัยหนุนราคาหุ้น คือ
1) ยอด backlog ที่คาดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงสิ้นปีนี้
2) แนวโน้มกำไรสุทธิที่สดใส
3) CK ได้รับงานโครงการทางด่วน 2 ชั้น จาก BEM และ
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันจันทร์ ติดตามตัวเลขส่งออก และนำเข้าของไทยเดือน พ.ย. คาด -5% YoY และ -0.8% MoM ตัวเลขดุลการค้าของไทยคาด -US$0.2bn
- วันอังคาร ติดตามตัวเลข Industrial production ของไทยเดือน พ.ย. คาด -3.7% YoY ตัวเลข Retail sales ของญี่ปุ่นเดือน พ.ย. คาด +3.7% YoY ตัวเลข S&P Case-Shiller home price index ของสหรัฐฯ เดือน ต.ค. คาด +8% YoY (เทียบเดือนก่อนหน้าที่ +10.4% YoY)
- วันพุธ ติดตามตัวเลข Industrial production ของญี่ปุ่น เดือน พ.ย. คาด -0.3% MoM และตัวเลข Pending home sales ของสหรัฐฯ เดือน พ.ย. คาด -1% MoM และ -32% YoY
- วันพฤหัสฯ ติดตามตัวเลข Initial Jobless Claim ของสหรัฐฯ รายสัปดาห์คาด +225K (vs. +216K สัปดาห์ก่อนหน้า) และตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบของสหรัฐฯ รายสัปดาห์
- วันศุกร์ ติดตามตัวเลข Private Consumption index ของไทยเดือน พ.ย. คาด -0.4% MoM และตัวเลข Chicago PMI ของสหรัฐฯ เดือน ธ.ค. คาด 40 จุด (+7.5% MoM)
- วันเสาร์ ติดตามตัวเลข NBS Manufacturing PMI ของจีนเดือน ธ.ค. คาด 49.5 จุด (+3.1% MoM) และตัวเลข NBS Non-manufacturing PMI ของจีนเดือน ธ.ค. คาด 48.4 จุด (+3.6% MoM)