บล.เอเอสแอล:

DTCENT SET / Technology: Information & Communication Technology

บริษัท ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) – Growth stock ที่ตลาดยังไม่เห็น

Key Focus: Growth stock ที่ตลาดยังไม่เห็น

เราแนะนำ “ซื้อ” DTCENT ที่ราคาเป้าหมาย 3.24 บาท อิง PE กลุ่ม SETTECH ที่ 26.5 เท่า Upside ปัจจุบันสูงถึง 54.3% ซึ่งเรามองว่ามีความน่าสนใจ เมื่อเทียบกับการเติบโตเฉลี่ย CAGR ของกำไรสุทธิในปี 2565F – 2566F ที่ระดับ 52.4% โดยแนวโน้ม 4Q65 คาดขยายตัวเด่นอยู่ที่ 34 ล้านบาท (+132.7%QoQ, +62%YoY) พร้อมกับแนวโน้มของธุรกิจที่เติบโต โดยเฉพาะการให้บริการ loT รวมถึงยังมี Upside จากการร่วมมือเป็นพันธมิตรกับ YES และ BRS ที่จะเกิด synergy ต่างๆ ในอนาค

แนวโน้ม 4Q65 โดดเด่นอย่างมาก

เราประเมินกำไรสุทธิ 4Q65 อยู่ที่ 34 ล้านบาท (+132.7%QoQ, +62%YoY) โดยรายได้จากการขายและให้บริการ GPS Tracking และ MDVR ยังเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะการให้บริการระบบ MDVR ที่บริษัทพัฒนาเป็นระบบใหม่ที่สามารถบันทึกข้อมูลในรูปแบบภาพและเสียงเพิ่มเติมจากรุ่นเก่า ทำให้ต้องใช้พื้นที่ความจำและ อินเทอร์เน็ตสำหรับส่งข้อมูลมากขึ้น จึงสามารถเรียกเก็บค่าบริการได้สูงขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นพื้นฐาน ขณะที่ไตรมาสนี้จะมีการรับรู้รายได้จากงานโครงการ IoT solution และระบบซอฟต์แวร์เข้ามา หนุนให้รายได้รวมเติบโตกว่า (+50.8%QoQ, +51.6%YoY) ด้าน GPM ปรับตัวขึ้น คาดอยู่ที่ระดับ 148.8% เมื่อเทียบกับ 3Q65 ที่ระดับ 47.6% ตามการรับรู้กลุ่มรายได้ที่มาร์จิ้นสูงอย่าง MDVR มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการ IPO บางส่วน ทำให้สัดส่วน cost to income ยังสูงกว่าระดับปกติ ส่งผลให้ภาพรวมทั้งปีรายงานกำไรสุทธิ 86.8 ล้านบาท ขยายตัว 12.4%YoY โดยกำไรสุทธิงวด 9M12 อยู่ที่ 52 ล้านบาท คิดเป็น 60% ของประมาณการของเรา

จับมือกับพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ได้แก่

1. YAZAKI ที่เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชิ้นส่วนยานพาหนะ สายไฟ และสายเคเบิ้ล อันดับ 1 ของญี่ปุ่น ซึ่งมีบริษัทในเครือกว่า 140 แห่ง ใน 45 ประเทศทั่วโลก ถือเป็นโอกาสอันดีของบริษัทที่จะทำการตลาด และขยายช่องทางการจัดจำหน่าย

และ 2. BOON RAWD Supply chain ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบุญรอดบริวเวอรี่ ผู้นำในธุรกิจเครื่องดื่มในไทย ซึ่งบริษัทจะร่วมกันพัฒนา Supply chain solution เพื่อบริหารจัดการต้นทุน และเสริมประสิทธิภาพในการทำงาน  เนื่องจากแนวโน้มต้นทุนด้านโลจิสติกส์ที่สูงขึ้น ทำให้หลายหน่วยงานมีความต้องการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยบริหารต้นทุน รวมถึงมีโอกาสเข้าถึงบริษัทในเครือของบุญรอดบริวเวอรี่ เพื่อพัฒนา Solution อื่นๆ ถือเป็น upside ในอนาคต

ผลประกอบการปี 66 ขยายตัวอย่างก้าวกระโดด

โดยแนวโน้มปี 66-67F ประเมินรายได้เท่ากับ 1,013.2 ล้านบาท (+42.9%YoY) และ 1,144.7 ล้านบาท (+13.0%YoY) รายได้จากการขายเติบโตโดดเด่นจากโครงการและงาน IoT ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน โดยจะเห็นการเติบโตอย่างมีนัยยะในปี 2566 ชดเชยกับรายได้จากการขาย GPS Tracking ที่เริ่มอิ่มตัว แต่ยังคงเป็นผู้นำกลุ่มบริษัทที่ให้บริการระบบอุปกรณ์ GPS สำหรับรายได้จากการให้บริการ มองว่าจะเป็นที่ช่วยสร้างความเสถียรแก่ธุรกิจ ขณะที่รายได้จากบริษัทย่อยจะเริ่มมีนัยยะในปี 2566 โดยเฉพาะจาก BAMS ผ่านบริษัทย่อย WS ที่เป็นระบบบริหารจัดการและติดตามกิจกรรมทางธุรกิจ ซึ่งตลาดในประเทศมีโอกาสเติบโตสูง ด้านอัตรากำไรขั้นต้นมองว่าจะกลับไปสู่ระดับที่เหนือกว่า 50% ส่วนกำไรสุทธิในปี 66-67F เราคาดการณ์ที่ระดับ 157.2 ล้านบาท (+81.0%YoY) และ 201.6 ล้านบาท (+28.3%YoY) ตามลำดับ ด้านอัตรากำไรสุทธิปรับตัวขึ้นที่ระดับ 12.2%, 15.5% และ 17.6% ตามลำดับ

เราประเมินมูลค่าที่เหมาะสมสิ้นปี 2566 เท่ากับ 3.24 บาท อิง Justified PE ที่ ระดับ 25 เท่า

ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย P/E ของกลุ่ม SETTECH ที่ระดับ 26.54 เท่า ซึ่งเรามองว่ามีความน่าสนใจ เมื่อเทียบกับการเติบโตเฉลี่ย CAGR ของกำไรสุทธิในปี 2565F – 2566F ที่ระดับ 52.4% โดยมาจากแนวโน้มผลประกอบการที่ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วในปี 2564 มาพร้อมกับแนวโน้มของธุรกิจที่เติบโต โดยเฉพาะการให้บริการ IoT ที่เราคาดว่าบริษัทจะสามารถได้รับการประมูลงานจากภาครัฐ โดยจะเริ่มเห็นมูลค่าที่มีนัยยะตลอดปี 2566 รวมถึงความเป็นผู้นำในตลาดการให้บริการระบบอุปกรณ์ GPS tracking ที่ปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ตลอดจนยังมี upside จากการเป็นพันธมิตรร่วมกับ YAZAKI ที่จะมีโอกาสทำการตลาดและขยายช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านบริษัทในเครือของ YZK ที่มีอยู่ 140 บริษัท ใน 45 ประเทศทั่วโลก และกับกลุ่มบุญรอดที่ร่วมกันพัฒนา Supply chain solution ซึ่งมีโอกาสขยายไปยังบริษัทในเครือเพื่อจัดการต้นทุนและเสริมประสิทธิภาพในการทำงาน รวมถึงการเกิด synergy ต่างๆ ของธุรกิจในอนาค

นอกจากนี้ DTCENT ยังอยู่ในระหว่างการพัฒนาและวิจัยโครงการที่อยู่ใน Mega trend ของประเทศไม่ว่าจะเป็น EV plat form, Smart city solution, ระบบการจัดการน้ำ, Elder Helper, UDEE (อยู่ดี), Logistic Demand-Supply Matching platform และ AI สำหรับ Tracking – IoT solution ซึ่งเรามองเป็น hidden value ของบริษัทที่พร้อมจะ unlock ในอนาคต

ปัจจัยเสี่ยง การแพร่ระบาดที่ยืดเยื้อของโควิด-19, การแข่งขันที่ค่อนข้างสูงในธุรกิจ GPS Tracking, การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่รวดเร็วจนบริษัทปรับตัวไม่ทัน, การเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง, การพึ่งพิงบุคลากรที่มีความชำนาญเฉพาะด้าน และการผิดนัดชำระหนี้ของลูกหนี้

ESG Analysis

- Advertisement -