เข้าสู่ช่วงรายงานผลประกอบการเข้มข้นติดตาม MSCI Rebalance พฤหัสนี้

ตลาดหุ้นต่างประเทศไร้ปัจจัยขับเคลื่อนที่ชัดเจน ในมุมมองเชิงบวกหุ้นโลกยังได้อานิสงค์จากแนวโน้มผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ขณะที่มีปัจจัยรบกวนระยะสั้นจากความกังวลเกี่ยวกับการปรับลดการผ่อนคลายนโยบายการเงิน (ลด QE) และการแสดงความเห็นของกรรมการเฟดที่ประเมินความเป็นไปได้ของการเริ่มขึ้นดอกเบี้ยอาจเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2565 ทำให้การเคลื่อนไหวระยะสั้น ยังไร้ทิศทางที่ชัดเจน ขณะที่การแข็งค่าของเงินเหรียญสหรัฐฯกดดันต่อสินทรัพย์เสี่ยงและโภคภัณฑ์ในระยะสั้น ขณะที่ติดตามการปรับหุ้นตามดัชนี MISCI วันที่ 11 ส.ค. (ทราบผลเช้า 12 ส.ค. ) โดยตลาดเริ่มประเมินหุ้นบางตัวอาจถูกปรับลดน้ำหนักการลงทุนลงอาทิ INTUCH และ BBL

กลุ่มเกี่ยวกับเปิดเมืองกลับมาถูกผลักดันหลังตัวเลขผู้หายป่วยมากกว่าผู้ติดเชื้อหลายวันติดต่อกัน

เช้านี้ศบค. รายงานผู้ติดเชื้อใหม่ 19,843 ราย และผู้หายป่วยกลับบ้าน 22,806 ราย ซึ่งสร้างความคาดหวังต่อการใกล้ถึงจุดสูงสุดของการระบาด และทำให้เกิดแรงเก็งกำไรในกลุ่มเกี่ยวกับการเปิดเมือง ไม่ว่าจะเป็นหุ้นธนาคารรวมถึงกลุ่มท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม เรายังคงระมัดระวังความผันผวนจากสถานการณ์ระบาดในประเทศเนื่องจาก 1) ตัวเลขที่ดีขึ้นเกิดจากการปรับลดเกณฑ์ระยะเวลารักษาให้สั้นลง ทำให้ตัวเลขในช่วง 5-10 วันแรกจะส่งสัญญาณบวก 2) การลดจำนวนการตรวจทำให้ตัวเลขการระบาดอาจจะต่ำกว่าที่ควร 3) การถึงจุดสูงสุดของการระบาดในช่วง ส.ค. เร็วกว่าคาดการณ์ของกองระบาดวิทยาที่ ต.ค. พ.ย. ราว 2-3 เดือน 4) ผลประกอบการของหุ้นเปิดเมืองส่วนใหญ่ยังมีแนวโน้มอ่อนแอ

ธีมการลงทุนระยะสั้น กลุ่มสื่อสารและ REITs ยังเป็นแหล่งพักเงินที่ดี ในช่วงที่ตลาดกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงการปรับประมาณการผลประกอบการที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง เรามองทยอยสะสม ADVANC, DTAC, FTREIT, WHART / เก็งกำไรแบบกำหนดจุดตัดขาดทุน JAS, ALT / ทยอยสะสมสาธารณูปโภค RATCH, EASTW, WHAUP, TTW / กลุ่มอาหารและเกษตร TVO, TU, CPF, GFPT, TWPC / เก็งกำไรกลุ่มเดินเรือ PSL, TTA, RCL / เก็งกำไรกลุ่มอุปกรณ์การแพทย์ SMD, WINMED, BIZ / เก็งกำไรกลุ่มบรรจุภัณฑ์ SCGP, BGC / กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ แม้แนวโน้มผลประกอบการดี แต่เพิ่มความระวังความผันผวน และจากความเสี่ยงการผลิตอาจกระทบหากมีพนักงานติดโควิด

ภาพรวมกลยุทธ์: ยังมองเป็นการฟื้นตัวในแนวโน้มลงหลัง SET50 หลุดเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันลงมา ก่อน SET แสดงถึงความอ่อนแอของหุ้นใหญ่ ในทางกลยุทธ์จึงยังใช้จังหวะดีดตัวในการขายเพิ่มการถือเงินสด และยังเน้นเพียงเลือกเก็งกำไรรายตัวระหว่างรอจุดซื้อที่ดี

หุ้นแนะนำ: GPSC *, TTA *, GFPT *, STARK *

  • แนวรับ: 1,525-1,535 / แนวต้าน: 1,550 จุดสัดส่วน: เงินสด 60%:พอร์ตหุ้น 40%

ประเด็นการลงทุน

โกลด์แม่นแซคส์นั่นคาดการณ์ศก. จีนปีนี้เหลือ 8.3%: โกลด์แมนแซคส์ ปรับลดคาดการณ์ GDP จีนปี 64 เหลือโต 8.3% จากคาดการณ์เดิมที่ 8.6% จากเหตุการณ์แพร่ระบาดรอบใหม่ของไวรัสโควิด-19 ในจีน กำลังส่งผลกระทบอย่างหนักต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงวันหยุดฤดูร้อนปีนี้

โรงแรมไทยไม่ฟื้น ยอดเข้าพักเหลือ 10%. ธปท.เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่พักแรม (HSI) เดือน ก.ค. จากผู้ประกอบการที่พักแรม 304 แห่ง (เป็น AsQ 28 แห่ง Hospitel 4 แห่ง) พบว่ายังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ต่อเนื่องโดยอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 10% ซึ่งทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า

BOI เผยยอดขอส่งเสริมการลงทุน H1/64 กว่า 3.8 แสนล้าน: บีโอไอ เผยยอดขอส่งเสริมการลงทุนช่วง H1/64 อยู่ที่ 801 โครงการเพิ่มขึ้น 14%yoy มูลค่าเงินลงทุน 386,200 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 158%yoy ซึ่งเป็นผลมาจากโครงการขนาดใหญ่ในกิจการพลังงานไฟฟ้าที่จำนวน 198 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 120,814 ล้านบาท ความเชื่อมั่นอุตฯต่ำสุดในรอบ 14 เดือน. ส.อ.ท. เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือน ก.ค. อยู่ที่ 78.9 ลดลงจาก 80.7 ในเดือน มิ.ย. โดยเป็นการลดลง 4 เดือนต่อเนื่อง และต่ำสุดในรอบ 14 เดือนจากปัจจัยลบของสถานการณ์โควิด 19 ที่ยังไม่คลี่คลาย และกระจายวงกว้าง

ค่าระวางเรือ – ดัชนี Baltic Dry Index (BDI) ปิดที่ 3,371 จุดไม่เปลี่ยนแปลงค่าระวางเรือขนาดใหญ่มาก (capesize) -0.39% / ค่าระวางเรือขนาดใหญ่ (Panamax) + 0.28% / ค่าระวางเรือขนาดกลาง (Supramax) + 0.39% / ค่าระวางเรือขนาดเล็ก (Handysize) + 0.07%

ประเด็นติดตาม: -11 ส.ค. : MSCI Rebalance, US CPI เดือน ก.ค./ 25 ส.ค. : Thailand Focus, US PPI เดือน ก.ค. , US Initial Jobless Claims, OPEC Monthly Report

ประเด็นลงทุนสำหรับหุ้นแนะนำ

  • เก็งกำไร GPSC* (100): คาดการเข้าซื้อกิจการและทำ M&A จะยังเป็นบวกต่อผลการดำเนินงาน เก็งกำไรโดยกำหนดจุดตัดขาดทุนพี่ที่ 78.50 บาท
  • เก็งกำไร TTA* (19): คาดผลการดำเนินงานกลุ่มเดินเรือเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เก็งกำไรโดยกำหนดจุด ตัดขาดทุนที่ 15.50 บาท
  • เก็งกำไร GFPT* (14): เก็งกำไรการฟื้นตัวทางเทคนิค ตัดขาดทุน 12.80 บาท
  • เก็งกำไร STARK* (4.80): เก็งกำไรการฟื้นตัวทางเทคนิค ตัดขาดทุน 4.24 บาท

(*หมายถึงหุ้นทางกลยุทธ์ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐานหรือที่ไม่ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)

- Advertisement -