Daily Focus: Domestic//Reopening Play
2023SET Target: 1760
ตลาดหุ้นวานนี้: SET Index ขยับขึ้นได้ต่อแต่แกว่งกรอบแคบลงโดยปิดที่ 1,647.28 จุด บวก 4.12 จุด ยังมีแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่ นำโดยกลุ่มโรงพยาบาล ยังคงเป็นกระแสจีนเตรียมยกเลิกมาตรการกักตัวขาเข้าที่ขับเคลื่อนตลาด ปริมาณการซื้อขายเบาบางเป็น 4.7 หมื่นลบ. นักลงทุนต่างชาติซื้อต่อเนื่อง 2.7 พันลบ. (แต่พลิกมา Short Index Futures 8.3 พันสัญญา) ส่วนสถาบันในประเทศขายเล็กน้อย 135 พันลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้: เราคาด SET Index แกว่ง Sideways ในกรอบ 1,635-1,650 จุด ด้วยปริมาณการซื้อขายเบาบางเช่นเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก ในประเทศยังไร้ปัจจัยใหม่ ขณะที่ปัจจัยในต่างประเทศยังคงเป็นกระแสการเตรียมเปิดประเทศของจีน ซึ่งมีทั้งข่าวดีและข่าวร้าย ข่าวดีคือเศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้านที่พึ่งพาชาวจีนจะดีขึ้น และเป็นผลดีต่อราคาน้ำมันและโภคภัณฑ์ต่างๆ ข่าวร้ายคือจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่ม เงินเฟ้อเร่งตัว กดดันให้ธนาคารกลางต้องขึ้นดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม ล่าสุดตลาดยังคงคาด Fed จะขึ้นดอกเบี้ย 0.25% (ผ่อนลงหลังจากปรับขึ้นครั้งละ 0.75% ถึง 4 ครั้งในปีนี้) เป็น 4.50- 4.75% ด้วยความน่าจะเป็น 70% สำหรับการประชุม 31 ม.ค.-1 ก.พ. 2023 ประเด็นดังกล่าวทำให้ตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปีน่าจะแกว่งแคบออกด้านข้าง แต่ภาพระยะกลาง-ยาว เรายังคงคาดหุ้นกลุ่ม Domestic & Reopening Play จะยังสดใสต่อเนื่อง สอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ
กลยุทธ์ : เน้นลงทุนในกลุ่ม Domestic/Reopening Play ตามเศรษฐกิจและท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว//ยังถือลงทุนต่อเนื่องหลังสะสมหุ้นเพิ่มไปแล้วช่วงปรับฐาน
หุ้นเด่นเดือน ธ.ค. : BBL, BDMS, CRC, M, MAJOR
หุ้นเด่นวันนี้ : BDMS
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายจาก FSSIA 33 บาท
- โมเมนตัมกำไร 4Q22 ยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง จากสัญญาณบวกที่จำนวนผู้ป่วยไทยในเดือน ต.ค. สูงกว่าช่วงก่อน COVID-19 แล้ว ขณะที่ผู้ป่วยต่างชาติใกล้เคียงช่วงก่อน COVID-19
- เป้าการเติบโตของรายได้ปี 2023-2025 เติบโต 6-8% CAGR ใกล้เคียงกับในอดีตที่รายได้จะเติบโตเป็น 1.5-2.0 เท่าของ GDP เราคาดกำไรปี 2022-2023 +47% Y-Y และ +14% Y-Y ทำ new high ต่อเนื่อง
- แนวรับ 28.25 บาท แนวต้าน 30.25 บาท
Fund Flow: วานนี้กระแสเงินทุนพลิกเป็นไหลออกจากภูมิภาค US$760 ล้าน มากกว่าวันก่อนหน้าที่ไหลเข้า US$398 ล้าน โดยกระจุกตัวในไต้หวัน (US$418 ล้าน) และเกาหลีใต้ (US$401 ล้าน) สำหรับอาเซียนเม็ดเงินไหลเข้าไทยและเวียดนามต่อเนื่อง แต่ไหลออกจากอินโดนีเซีย แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่าจะยิ่งเบาบางก่อน หยุดยาวในช่วงปีใหม่
ประเด็นสําคัญวันนี้
(+) ITEL คาดกำไรสุทธิ 4Q22 ทำจุดสูงสุดของปี หลังจากผิดหวังมา 9 เดือน โดยเราคาดกำไร 72 ลบ. +34% Q-Q แต่ -23% Y-Y จากฐานสูงในปีก่อน กำไรที่ดีมาจากการเร่งส่งมอบงานติดตั้งโครงข่าย แต่ไม่มากพอที่จะให้กำไรทั้งปี 2022 เติบโตได้ เราคาดกำไรทั้งปี 2022 ลดลงเล็กน้อย -1.5% Y-Y แต่เชื่อว่าปี 2023 มีแนวโน้มสดใสขึ้นทุกธุรกิจ บริษัทได้ยื่นประกวดราคาหลายโครงการ มูลค่ารวมราว 3-4 พันลบ. เข้ามาเติบ Backlog ปัจจุบันที่ 3.2 พันลบ. เราคาดกำไรปี 2023 ฟื้น +31% Y-Y จากการขายตัวของทุกธุรกิจและการคุมต้นทุนที่ดีขึ้น เราปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2023 ที่ 5 บาท อิง PE 23 เท่า ราคาหุ้นปัจจุบันเทรดที่ PE ปี 2023 ที่ 17.6 เท่า EV/EBITDA เพียง 7.3 เท่า ยังคงแนะนำ “ซื้อ”
(0) หุ้นเข้าออก SET50/SET100 งวด 1H23 สำหรับ SET50 หุ้นเข้า CENTEL COM7 DELTA RATCH หุ้นออก BLA IRPC KCE SAWAD ส่วน SET100 หุ้นเข้า AAV BYD DELTA JAS NEX SABUY THG หุ้นออก AEONTS MAJOR STEC SUPER SYNEX TASCO TTA
29 December 2022
(-) ตลาดดาวโจนส์ ปิดลดลง 365.85 จุด หรือ -1.10% ปิดที่ 32,875.71 จุด จากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย รวมถึงยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในจีน
(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ ถูกกดดันโดยการลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน ตามทิศทางราคาน้ำมัน
(-) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดลง ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ และจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในจีนเร่งตัวขึ้น
(+) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 34.73 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดลดลง 57 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 78.96 ดอลลาร์/บาร์เรล จากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เร่งตัวขึ้นในจีน ทำให้นักลงทุนกังวลว่าจะกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน ในขณะที่เช้านี้ปรับลงต่อที่ระดับ 78.60 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.46%
(-) ราคาทองคำ COMEX ปิดลดลง 7.3 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ 1,815.8 ดอลลาร์/ออนซ์ จากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า ในขณะที่เช้านี้ปรับลงต่อที่ระดับ 1,812.4 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ -0.19%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 918.51 / –