บล.ฟิลลิป:

เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ – ONEE ปี 66 พื้นตามเศรษฐกิจในประเทศ

Key Point

4Q65 คาดกำไรทรงตัวหรือดีขึ้นเล็กน้อย q-q จากหลายธุรกิจที่รายได้ทรงตัว q-q จะมีธุรกิจบริหารศิลปิน ขายสินค้า และวิทยุที่ยังโตได้ แต่สัดส่วนยังคิดเป็น 18% ส่วนในปี 2566 คาดผลประกอบการจะฟื้นตัวตามเศรษฐกิจในประเทศที่ดีขึ้น โดยเฉพาะรายได้โฆษณาที่มีสัดส่วนมากสุด ซึ่งข้อดี ONEE มีแหล่งรายได้ที่หลากหลาย ช่วยกระจายความเสี่ยง ยังคงประมาณการและราคาพื้นฐานที่ 12 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

4Q65 คาดการดำเนินงานทรงดีขึ้น q-q

คาดการกำไรของ ONEE ดีขึ้นเล็กน้อย q-q ช่วงต้นไตรมาสเม็ดเงินโฆษณาที่ยังไม่ฟื้นตัว ต้นไตรมาสมีน้ำท่วม ตามด้วยผลกระทบของเงินเฟ้อและต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้น แต่ในเดือน ธ.ค. ทั้งช่อง One31 และ GMM25 ได้ถ่ายทอดฟุตบอลโลก 6 แมตซ์ ช่วยหนุนเม็ดเงินโฆษณาได้บ้าง ทำให้รายได้โฆษณาคาดทรงๆ q-q เช่นเดียวกับรายได้จากการจัดอีเวนต์ทรง q-q ราว 170 ล้านบาท แม้มีงานอีเวนต์เยอะขึ้น แต่จะเป็นงานเล็ก รวมถึงธุรกิจรับจ้างผลิตและขายลิขสิทธิ์ก็คาดจะทรงตัวเช่นกัน แต่รายได้จากบริหารศิลปินคาดเพิ่มขึ้นจากอีเวนต์ปลายปี รวมถึงการขายสินค้า และวิทยุที่รายได้โฆษณาฟื้นตัว ประกอบกับหันมาบริหารต้นทุนโดยการ Rerun รายการเก่าและลดเวลาละครเวลา 20.30 น. จาก 2 ชม. เป็น 1 ชม. 30 นาที เพื่อลดต้นทุนและให้เหมาะสมกับเม็ดเงินโฆษณาที่ยังไม่ฟื้น

ปี 2566 จะฟื้นตัวได้ตามเศรษฐกิจในประเทศที่ดีขึ้น

คาดเม็ดเงินโฆษณาจะกลับมาฟื้นตัวตามเศรษฐกิจในประเทศที่ดีขึ้นจากภาคการท่องเที่ยว และการบริโภคภายในประเทศที่ฟื้นตัว โดย กนง. คาดการณ์จีดีพีของไทยในปี 2566 อยู่ที่ 3.7% จากปี 2565 ที่ 3.2% ประกอบกับธุรกิจอีเวนต์น่าจะยังเติบโตได้จากการจัดงานได้ตลอดปีทั้งในไทยและต่างประเทศ เมื่อเทียบกับปี 2565 เริ่มจัดในช่วงครึ่งปีหลัง, รายได้บริหารศิลปินและขายสินค้าคาดจะโตตามงานอีเวนต์ที่มากขึ้น ในส่วนของการร่วมมือกับสตูดิโอที่เกาหลีใต้ “SBS” ผลิตคอนเทนต์ คาดจะออกอากาศทั้งไทยและเกาหลีใต้ได้ปลายปี 2566 ซึ่งเป็นการเพิ่มฐานผู้ชมไปในต่างประเทศ และโอกาสในการรับจ้างผลิตและขายลิขสิทธิ์มีมากขึ้น จากการเปิดตัว OTT แพลนฟอร์มต่างประเทศในไทย ทำให้ต้องการคอนเทนต์ใหม่ๆ ซึ่ง ONEE เป็นหนึ่งในผู้รับจ้างผลิตที่มีฝีมือ และข้อดีของบริษัท คือ มีรายได้มาจากหลายช่องทาง ช่วยลดผลกระทบจากเม็ดเงินโฆษณาที่ผันผวนได้

ยังคงประมาณการกำไรปี 2566 และราคาพื้นฐานที่ 12 บาท ยังคงแนะนำ “ซื้อ”

ยังคงคาดกำไรปี 2565 ที่ 778 ล้านบาท และในปี 2566 คาดรายได้ที่ 6,876 ล้านบาท และกำไรสุทธิที่ 983 ล้านบาท อิงวิธี DCF (WACC: 7.9%, terminal g: 2%) ยังคงให้ราคาพื้นฐานที่ 12 บาท ยังคงแนะนำ “ซื้อ”

ความเสี่ยง

  1. ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของกระแสความนิยมของผู้บริโภค
  2. อุตสาหกรรมมีการแข่งขันสูง อาจไม่สามารถขยายหรือรักษาความสามารถในการทำกำไร
  3. ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมโทรทัศน์ในระบบดิจิทัลและวิทยุ

 

- Advertisement -