Daily Focus: Domestic//Reopening Play
2023SET Target: 1760
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index วันที่ 30 ธ.ค. 2022 ยังคงขยับขึ้นต่อ และอยู่ในแดนบวกตลอดทั้งวัน ดัชนีปิดปีที่ 1,668.66 จุด +7.46 จุด นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อหุ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 อีก 4 พันลบ. (และ Long Index Futures 2.31 หมื่นสัญญา) ขณะที่สถาบันในประเทศขายหุ้น 1.8 พันลบ. สําหรับปี 2022 SET ปรับขึ้น 11.04 จุด (+0.7%) หุ้นขนาดใหญ่ปรับตัวดีกว่าหุ้นขนาดเล็ก นักลงทุนต่างชาติพลิกมาซื้อเป็นปีแรกในรอบ 6 ปีสูงถึง 2.03 แสนลบ. (และ Long Index Futures 8 หมื่นสัญญา) ส่วนสถาบันในประเทศขายเป็นปีที่ 2 จํานวน 1.54 แสนลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่ง Sideways กรอบ 1,660-1,675 จุด ลดความร้อนแรงจากสัปดาห์ก่อนที่ปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 6 วันทำการราว 52 จุด หรือ +3.2% หลังจีนประกาศเปิดประเทศยกเลิกกักตัววันที่ 8 ม.ค. นี้ ซึ่งตลาดตอบรับความคาดหวังเชิงบวกไปพอสมควรในระยะสั้น จากไทยที่เป็นหนึ่งในประเทศที่ได้อานิสงส์โดยตรง ขณะที่ปัจจัยหลักที่จะสนับสนุนหุ้นไทยปีนี้ยังคงอยู่ที่การฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศตามการ Reopening และกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กลับมาปกติ คาดว่าจะช่วยชดเชยผลกระทบในฝั่งส่งออกที่ถูกกดดันต่อเนื่องจากปี 2022 ทำให้เรายังคงคาดหุ้นกลุ่ม Domestic & Reopening Play จะยังสามารถ Outperform ตลาดได้อย่างต่อเนื่องจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวได้ และเชื่อมั่นว่ากระแสเงินทุนจะยังคงไหลเข้าตลาดหุ้นไทย
กลยุทธ์ : เน้นลงทุนในกลุ่ม Domestic/Reopening Play ตามเศรษฐกิจและท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว
หุ้นเด่นเดือน ม.ค. : AAV, BCP, CENTEL, M, MAKRO
หุ้นเด่นวันนี้ : MAKRO
- แนะนํา “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 42 บาท
- แนวโน้มผลการดำเนินงาน 4Q22 จะฟื้นตัว และเป็นจุดสูงสุดของปีตามฤดูกาล และจะสดใสมากขึ้นในปี 2023 จากการฟื้นตัวของ Lotus’s หลัง Rebranding แล้วเสร็จ และจะเริ่มเห็น Synergy ชัดเจนขึ้น
- คาดกำไรปี 2023 +72% Y-Y ส่วน Free Float ที่เพิ่มขึ้นเป็น 15.04% เข้าตามเกณฑ์ของตลาดแล้ว จะเป็นปัจจัยบวก และมีโอกาสถูกเข้าคำนวณใน MSCI Index ในอนาคต
- แนวรับ 39 บาท แนวต้าน 42 บาท
Fund Flow : กระแสเงินทุนวันสุดท้ายของปี 2022 (30 ธ.ค.) ไหลเข้าเบาบาง US$41 ล้าน เพราะหลายตลาดปิดทําการ แต่ยังไหลเข้าตลาดหุ้นไทยหนาแน่น US$116 ล้าน ภาพรวม ทั้งปี 2022 กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$4.39 หมื่นล้าน เพิ่มขึ้นจากปี 2021 ที่ไหลออก US$3.15 หมื่นล้าน เม็ดเงินแทบทั้งหมดกระจุกที่ไต้หวันซึ่งไหลออก US$4.43 หมื่นล้าน รองลงมาเป็นเกาหลีใต้ (-US$9.66 พันล้าน) สําหรับอาเซียนเม็ดเงินไหลเข้าโดยเฉพาะไทย (US$5.96 พันล้าน) ตามด้วยอินโดนีเซีย (US$4.27 พันล้าน) แนวโน้มกระแสเงินทุนปี 2023 คาดไหลเข้าฝั่งเอเชียอย่างต่อเนื่องจากเศรษฐกิจที่แข็งแรงกว่าและแรงหนุนจากจีนเปิดประเทศ
ประเด็นสําคัญวันนี้
(+) กลยุทธ์การลงทุนเดือน ม.ค. สถิติ 10 ปีย้อนหลัง SET Index เดือน ม.ค. มักให้ผลตอบแทนเป็นบวกสะท้อนว่า January Effect มีโอกาสเกิดสูง เราประเมินปัจจัยที่ยังมีผลต่อดัชนียังคงเป็นเงินเฟ้อและการเติบโตของเศรษฐกิจ ขณะที่การประชุมทั้ง FED และกนง.จะอยู่ในเดือน ก.พ. เราคาดว่าปัจจัยในประเทศโดยรวมยังเป็นบวกทั้งผลประกอบการ 4Q22 ของบจ. ที่คาดฟื้นตัว การเริ่มต้นหาเสียงเลือกตั้งทั่วไปที่จะเกิดขึ้น และการผ่อนคลายมาตรการ COVID- 19 ของจีน คาดว่าจะทำให้ SET Index ยังคงสามารถ Outperform ตลาดหุ้นภูมิภาคอื่นได้ ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวที่ 1,620-1,690 จุด ยังคงชื่นชอบกลุ่ม Domestic/Consumption/Reopening Play เราเลือก Top Pick เดือนนี้ คือ AAV BCP CENTEL M MAKRO
(+) SET Target ปี 2023 ของเราคือ 1,750 จุด อิงคาดการณ์ EPS ที่ 111 บาท และ Target PER 15.7 เท่า (ค่าเฉลี่ย 10 ปี -0.25SD) เราประเมินตลาดหุ้นไทยจะยังคง Outperform ตลาดหุ้นโลก โดยเฉพาะฝั่งตะวันตกได้ต่อเนื่อง หนุนจากเศรษฐกิจในประเทศที่เติบโตในอัตราเร่ง ทั้งจากการบริโภคที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง และโดยภาคการท่องเที่ยวที่เร่งตัว เปลี่ยนจากการใช้จ่ายภาครัฐที่รับบทหนักผ่านการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ช่วยหนุนให้กระแสเงินทุนค่างชาติมีแนวโน้มไหลเข้าต่อเนื่อง และค่าเงินบาทคาดแข็งค่าขึ้นสู่กรอบ 33-35 บาท/ดอลลาร์ รวมถึงชดเชยกลุ่มส่งออกที่มีแนวโน้มถูกกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอ และฝั่งสหรัฐฯ-ยุโรปมีแนวโน้มถึงขั้นหดตัว ทำให้ Theme การลงทุนเรายังคงเน้นหุ้นกลุ่ม Consumption Reopening และ Anti-Commodity plays โดยเลือก Top Pick ปี 2023 ได้แก่ BA, BDMS, CPN, ILINK, JWD, M, SHR, and TACC
(-) ตลาดดาวโจนส์ ปิดลดลง 73.55 จุด หรือ -0.22% ปิดที่ 33,147.25 จุด จากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย, สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในจีน
(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก ได้แรงหนุนจาก PMI ภาคการผลิตปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 17.8 ในเดือนธ.ค. จากระดับ 47.1 ในเดือนพ.ย.
(-) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดลง ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ ในขณะที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการในวันนี้
(+) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 34.42 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดเพิ่มขึ้น 1.86 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 80.26 ดอลลาร์/บาร์เรล ได้แรงหนุนหลังเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐ ลดลง 1 แท่น สู่ระดับ 621 แท่น ในขณะที่เช้านี้ปรับลงที่ระดับ 80.12 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.17%
(+) ราคาทองคํา COMEX ปิดเพิ่มขึ้น 20 เซนต์ หรือ 0.01% ปิดที่ 1,826.2 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการอ่อนค่าของดอลลาร์ ในขณะที่เช้านี้ปรับเพิ่มขึ้นต่อที่ระดับ 1,837.5 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ +0.62%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 917.64 / -0.87