MASTER เตรียมจัดโรดโชว์ต้นปีกระต่ายทอง บุกหาดใหญ่-ขอนแก่น-เชียงใหม่-กทม. ก่อนนับถอยหลังสู่ IPO
บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER โรงพยาบาลด้านศัลยกรรมเสริมความงาม ภายใต้ชื่อโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช “Masterpiece Hospital” นับถอยหลังสู่การเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 65 ล้านหุ้น หลัง ก.ล.ต. อนุมัติแบบคำขอ โดยเตรียมจัดโรดโชว์สรุปข้อมูลการเสนอขายหุ้นไอพีโอ 3 จังหวัด นำโดย หาดใหญ่ ขอนแก่น เชียงใหม่ และปิดท้ายที่กรุงเทพฯ พร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในต้นปีนี้
นางสาวเดือนพรรณ ลีลาวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนีย แอดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ของบริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER เปิดเผยว่า MASTER พร้อมโรดโชว์นำเสนอข้อมูลการเสนอขายหุ้นไอพีโอต่อนักลงทุน ภายหลังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้อนุมัติแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนเป็นที่เรียบร้อย โดยคาดว่าจะเดินสายให้ข้อมูล (โรดโชว์) ใน 3 จังหวัดใหญ่ ได้แก่ หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ในวันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม 2566, จังหวัดขอนแก่น ในวันศุกร์ที่ 6 มกราคม 2566, จังหวัดเชียงใหม่ ในวันจันทร์ที่ 9 มกราคม 2566 และปิดท้ายการโรดโชว์ให้แก่นักลงทุนในจังหวัดกรุงเทพฯ ในวันพุธที่ 11 มกราคม 2566
สำหรับงานโรดโชว์ในครั้งนี้ จะทำให้นักลงทุนได้เข้าใจลักษณะการดำเนินธุรกิจและทำความรู้จัก MASTER มากขึ้น รวมถึงศักยภาพในการเติบโต และความสามารถในการแข่งขัน ที่มีเป้าหมายการพัฒนาที่มุ่งเน้นการยกระดับศักยภาพของโรงพยาบาลด้านศัลยกรรมเสริมความงาม ภายใต้ชื่อโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช “Masterpiece Hospital” ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้นักลงทุนก่อนทำการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 65 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท คิดเป็น 27.08% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในหมวดธุรกิจบริการ ภายในต้นปี 2566
“มั่นใจว่าการเดินสายโรดโชว์ของบริษัทจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เพราะเป็นบริษัทที่มีพื้นฐานที่แข็งแกร่งและมีความน่าสนใจอย่างมาก โดยความน่าสนใจของ MASTER คือ ความเชี่ยวชาญและอยู่ในแวดวงธุรกิจด้านศัลยกรรมและความงามมากว่า 9 ปี นำทีมนายแพทย์ระวีวัฒน์ มาศฉมาดล โดยผู้บริหารเล็งเห็นวิวัฒนาการของอุตสาหกรรมนี้เป็นอย่างดี และปัจจุบันมีแพทย์ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญจำนวน 41 ท่าน ซึ่งจะมีโอกาสช่วยสนับสนุนการเติบโตของบริษัทฯ” นางสาวเดือนพรรณ กล่าว
นอกจากนี้ MASTER ยังมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นในด้านผลประกอบการที่มีอัตราการเติบโตของยอดขายและความสามารถในการทำกำไรที่โดดเด่น จึงมีโอกาสที่จะเติบโตได้อย่างมั่นคง โดยผลประกอบการของ MASTER มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ตัวเลขการเงินในปี 2562 – 2564 และงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565 บริษัทฯ มี อัตรากำไรสุทธิ 14.66%, 20.89%, 23.59% และในงวด 9 เดือนแรกของปี 2565 อยู่ที่ 21.86% ตามลำดับ ซึ่งถือเป็นระดับการทำอัตรากำไรที่สูง ดังนั้นจะเป็นภาพสะท้อนถึงการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ดีและมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโต จึงมองว่า MASTER มีโอกาสที่จะเติบโตได้อย่างมั่นคง น่าจะเป็นจุดเด่นที่ทำให้ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน
นายแพทย์ระวีวัฒน์ มาศฉมาดล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER โรงพยาบาลด้านศัลยกรรมเสริมความงาม ภายใต้ชื่อโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช “Masterpiece Hospital” เปิดเผยว่า MASTER เข้ามาระดมทุนครั้งนี้ มองว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม นับจาก 9 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้มุ่งมั่นให้ความสำคัญในการวางรากฐาน และพัฒนาระบบต่างๆ จวบจนทุกวันนี้ MASTER หรือ โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช กลายเป็นโรงพยาบาลด้านศัลยกรรมครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน สอดคล้องกับตัวเลขผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมามีทิศทางการเติบโตที่สม่ำเสมอ
นางสาวลภัสรดา เลิศภานุโรจ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MASTER กล่าวว่า MASTER กำลังอยู่ระหว่างการเตรียมระดมทุนเพื่อสนับสนุนการขยายธุรกิจ ด้วยวิสัยทัศน์ เรามุ่งมั่นที่จะเป็นโรงพยาบาลด้านศัลยกรรมความงามแบบครบวงจรอันดับหนึ่งของประเทศไทย โดยมีบุคลากรที่มีประสิทธิภาพ การให้บริการที่มีคุณภาพ ผลประกอบการเป็นไปตามเป้าหมาย และตระหนักในความรับผิดชอบต่อสังคม รวมถึง จุดเด่นในด้านผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปี มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง และมีเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจอย่างมั่นคง ทำให้มีโอกาสและศักยภาพในการเติบโตในอนาคต จึงเชื่อว่า การโรดโชว์ในครั้งนี้จะเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนก่อนทำการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ในช่วงต้นปี