หุ้นไทยยังมี Valuation ค่อนข้างสูง
กรอบ SET INDEX 1665-1675
Market Outlook
วันนี้ประเมิน SET INDEX มีแนวโน้มอ่อนตัวลงในกรอบ 1665-1675 เนื่องจาก (1) กลุ่มน้ำมันมีโอกาสกดดันตามราคาน้ำมันดิบที่ลดลง (2) ตลาดหุ้นญี่ปุ่น (Nikkei) เช้านี้ที่ปรับฐานอยู่ราว 1.6% (3) การปรับขึ้นมาของ SET 5% ในช่วง 10 วันที่ผ่านมา เชื่อว่าจะเผชิญการอ่อนแรงลงบ้าง ทั้งนี้การปรับขึ้นแรงของ SET INDEX ส่วนหนึ่งเป็นผลจาก DELTA หากประเมินเมื่อวาน SET INDEX ปิดบวก 10.3 จุด แต่พบว่า DELTA เพียงตัวเดียวมีผลกับ SET INDEX ถึง 10 จุด และหากไม่รวม DELTA จะพบว่า SET INDEX ปัจจุบันจะอยู่ที่ 1,583 หรือคิดเป็นส่วนต่างถึง 95 จุด โดย Bloomberg Consensus ประเมินกำไรต่อหุ้น (EPS) ปี 2023 ไว้ที่ 106.52 บาท/หุ้น พร้อมประเมิน EPS ของ DELTA ไว้ที่ 12.77 บาท/หุ้น (PI คาด 11.3 บาท/หุ้น) ดังนั้น หากนำ EPS ของ DELTA ออกจะพบว่า EPS ของ SET ในปี 2023 จะอยู่ที่ 94 บาท/หุ้น ดังนั้นที่ 1,583 คิดเป็น Forward PE 16.8x นับเป็นระดับที่อยู่ในช่วงใกล้เคียง +1SD ในรอบ 14 ปี บ่งชี้ว่าแม้จะไม่มี DELTA ระดับ Valuation ปัจจุบันของ SET INDEX ก็นับว่าค่อนข้างสูง จึงยังประเมินเช่นเดิมว่า Upside ตลาดหุ้นจะเริ่มจำกัด แม้จะมีข่าวบวกเกี่ยวกับการเปิดประเทศของจีน แต่ราคาหุ้นบริเวณนี้เชื่อว่าตอบรับเชิงบวกไปค่อนข้างมาก ปัจจัยติดตามคืนนี้ได้แก่ การรายงานตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของสหรัฐจากสถาบัน ISM Bloomberg ประเมินไว้ที่ 48.5 และตำแหน่งเปิดรับสมัครงานใหม่ของสหรัฐฯ ที่ 10 ล้านตำแหน่ง รายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed Minutes) ช่วงประมาณ 2.00 น. ของวันพฤหัสบดี
เชิงกลยุทธ์การลงทุน แนะทยอยลดพอร์ตการลงทุนเช่นเดิม ตลาดหุ้นรับรู้ปัจจัยบวกไปเยอะ และมี Valuation ที่ค่อนข้างแพง ส่วนหุ้นแนะนำช่วงนี้เน้นที่ยัง Laggard และมี Valuation ไม่แพง อาทิ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ (BBL, KBANK, SCB, TTB) กลุ่มค้าปลีก (BJC, HMPRO, ILM) หุ้นปันผล (ADVANC, RATCH) สินค้า IT (SYNEX) กลุ่มสื่อ (PLANB) โรงภาพยนตร์ (MAJOR)
หุ้นแนะนำซื้อวันนี้
ILM ราคาพื้นฐาน 24.00 บาท
คาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/22 ที่ 175 ล้านบาท (+16% YoY, +15% QoQ) เป็นกำไรรายไตรมาสที่สูงสุด หนุนจาก (1) การเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่แข็งแกร่ง 4% YoY และ (2) คำสั่งซื้อของงานโครงการที่ฟื้นตัว (3) การเปิดสาขาใหม่ (ลาดกระบัง) และ (4) การทำกำไรที่สูงขึ้นจากต้นทุนที่ลดลงเป็นอันดับ 14 เพราะการจัดซื้อและการบริหารสินค้าคงคลังที่มีประสิทธิภาพ
MAJOR ราคาพื้นฐาน 21.40 บาท
คาดกำไรไตรมาส 4/22 จะแตะจุดสูงสุดของปี หนุนจากยอดขายตั๋วจากเรื่อง Wakanda Forever และ Avatar 2 ภาพยนตร์ภาคต่อของเรื่องที่ทำรายได้รวมสูงสุดทั่วโลก ขณะที่ Black Panther เป็นภาพยนตร์ทำเงินสูงสุดตลอดกาล