ตลาดยังไม่เปลี่ยนมุมการถดถอย

กรอบ SET INDEX 1654-1667

Market Outlook

เมื่อวานนี้กระทรวงพาณิชย์รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคประจำเดือนธ.ค. พบว่าขยายตัว 5.9% YoY เป็นไปตามที่ตลาดประเมินไว้ อย่างไรก็ตาม หากประเมินเมื่อเทียบกับเดือนพ.ย. พบว่าลดลง (-0.06% MoM) โดยมีสาเหตุหลักมาจากการลดลงในหมวดของพาหนะ การขนส่ง และการสื่อสาร (-0.77%MoM) ตามการลดลงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง -1.9% MoM สำหรับหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์สูงขึ้น 0.32% MoM โดยมีสาเหตุหลักจากการสูงขึ้นของราคาสินค้ากลุ่มข้าว แป้ง และผลิตภัณฑ์จากแป้ง 0.55% MoM แต่สวนทางกับราคาเนื้อสัตว์ เป็ดไก่ และสัตว์น้ำ -0.32% MoM ไข่และผลิตภัณฑ์นม -0.8% MoM ผลไม้สด -0.5% MoM มองหุ้นได้ประโยชน์ ได้แก่ กลุ่มร้านอาหาร (CENTEL, M, MINT) แต่หุ้นกล่มค้าขายเนื้อสัตว์จะได้รับผลกระทบ (CPF, GFPT, TFG) สำหรับเมื่อคืน ADP ได้รายงานตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนที่ 2.35 แสนราย สูงกว่าตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 1.52 แสนราย ไส้ในพบว่าอุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานสูงขึ้น ได้แก่ ภาคก่อสร้าง (4.1 หมื่นราย) ให้บริการด้านธุรกิจ (5.2 หมื่นราย) การศึกษาและการแพทย์ (4.2 หมื่นราย) และการให้บริการด้านการท่องเที่ยว (1.23 แสนราย) ส่วนอุตสาหกรรมที่มีการเอาคนออก ได้แก่ ธุรกิจการเงิน (-1.2 หมื่นราย) การค้าขายและการขนส่ง (2.4 หมื่นราย) ปัจจัยข้างต้นสะท้อนถึงภาคแรงงานในสหรัฐฯ ที่ยังแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม แม้หน้าข่าวจะรายงานว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ (Dow Jones) ปรับฐานลง เพราะกังวลการขึ้นดอกเบี้ยแต่ตลาด Bond สะท้อนว่ามิได้กังวลดอกเบี้ยธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) แต่อย่างใด ตลาด Bond ยังคงกังวลกับการถดถอยทางเศรษฐกิจมากกว่า ขณะที่ CME Fed Watch ก็ยังระบุว่าน้ำหนักส่วนมากยังเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุม เดือนก.พ. ส่วนคืนนี้ติดตามการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ Bloomberg ประเมินไว้ที่ 2 แสนตำแหน่ง พร้อมกับอัตราการว่างงาน ที่ 3.7% หากสูงกว่าคาดประเมินเป็นปัจจัยกดดันตลาด ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะสูงกว่าคาด เนื่องจากแนวโน้ม ADP มักสอดคล้องกับสำนักงานสถิติสหรัฐฯ ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1654-1667 แม้ Dow Jones จะปรับฐานแต่เช้านี้ตลาดหุ้นญี่ปุ่น (Nikkei) ปรับลงเพียงเล็กน้อยประกอบกับเชื่อว่าจะได้แรงหนุนจากกลุ่มนํ้ามัน

  • เชิงกลยุทธ์การลงทุนไม่เพิ่มพอร์ตเป็นเพียง Trading เช่นเดิม ระยะสั้นเลือกน้ำมัน (PTTEP) อื่นๆ เน้นกลุ่ม Domestic ที่ยัง Laggard อาทิ (BJC, HMPRO) ธนาคารพาณิชย์ (SCB) กลุ่มสื่อสาร (ADVANC, INTUCH) สื่อโฆษณา (PLANB) โรงภาพยนตร์ (MAJOR)

หุ้นแนะนําซื้อวันนี้

HMPRO ราคาพื้นฐาน 18.00 บาท

คาดกำไรไตรมาส 4/22 จะแตะจุดสูงของปี หนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากการซ่อมแซมบ้านหลังอุทกภัย บวกกับมาตรการกระตุ้นภาครัฐ และการเปิดสาขาใหม่ 6 แห่งในช่วง 12 เดือน ที่ผ่านมา ทั้งนี้ยังคงประมาณการอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิที่ 16% ในปี 2022 และ 7% ในปี 2023 ซึ่งจะทำให้กำไรกลับมาสูงกว่าช่วงก่อน Covid-19 แล้ว

RATCH ราคาพื้นฐาน 55.00 บาท

มองบวกต่อภาพรวมปี 2023 หนุนจากการใช้เงินที่ได้จากการเพิ่มทุน (แล้วเสร็จในไตรมาส 2/22) ไปกับการลงทุนในโครงการ NEJV (1,500MW และดำเนินงานอยู่ 450M) และโรงไฟฟ้าถ่านหิน Paiton ขนาด 930MWe ในอินโดนีเซีย ที่จะกระตุ้นให้กําลังการผลิตในการดำเนินงานของ RATCH เพิ่มขึ้น 16% จากปัจจุบันที่ 9.2MWe ซึ่งคาดว่าจะชดเชย Dilution ที่มีต่อ

- Advertisement -