บล.เคจีไอ:
Banpu Power ผลประกอบการ 2Q64: ต่ำกว่าที่เราคาดไว้ 9.1%
Event
กำไรจากธุรกิจหลักของ BPP ใน 2Q64 อยู่ที่ 981 ล้านบาท (+22.8%YoY, +5.7%QoQ) ต่ำกว่าประมาณการของเรา 9.1% เนื่องจากกำไรขั้นต้นของ CHP ต่ำกว่าที่เราคาดไว้ เนื่องจากราคาถ่านหินพุ่งสูงขึ้น โครงการหลักที่ทำกำไรให้ BPP ได้แก่ โครงการหงสาซึ่งมี reliability สูงโดยมีค่า EAF อยู่ที่ 92%, BLCP ซึ่งมีค่า EAF อยู่ที่ 87% และการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ของโครงการ Nakoso IGCC ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าในญี่ปุ่นที่บริษัท เพิ่งเข้าไปซื้อ นอกจากนี้ BPP ยังมีกำไรพิเศษอีก 131 ล้านบาท ดังนั้นกำไรสุทธิใน 2Q64 จึงอยู่ที่ 1,112 ล้านบาท (+63.4%YoY, +7.5%QoQ) ในขณะที่กำไรจากธุรกิจหลักในงวด 1H64 อยู่ที่ 1,909 ล้านบาท (-11.7%YoY) คิดเป็น 53.7% ของประมาณการกำไรปีนี้ของเรา
Impact
ถูกกระทบสองเด้งจากทั้งราคาถ่านหินที่พุ่งสูงขึ้น และอุปสงค์ที่ต่ำตามฤดูกาลจากประเทศจีน บริษัทรายงานว่าราคาถ่านหินยังคงอยู่ในระดับสูง เนื่องจากปัญหาอุปทานในประเทศขาดแคลน ซึ่งส่งผลให้ราคาถ่านหินเฉลี่ยอยู่ที่ RMB733/ton ใน 2Q64 จาก RMB721/ton ในปี 1Q64 และ RMB572/ton ใน 4Q63 ดังนั้น เราจึงคาดว่า บริษัทจะได้รับผลกระทบจากราคาถ่านหินที่พุ่งขึ้นอย่างเต็มที่ในไตรมาสนี้ เนื่องจากสต็อกถ่านหินที่สะสมไว้ใน 4Q63 ถูกใช้ไปหมดแล้ว นอกจากนี้โรงไฟฟ้าในประเทศจีนยังอยู่ในช่วง low season ในไตรมาสที่ 2 และ 3 หลังจากผ่านช่วง peak ในฤดูหนาว ปัจจัยต่างๆดังกล่าวส่งผลให้กำไรขั้นต้นลดลงอย่างมากถึง -103 ล้านบาท (-180.3%YoY, -129.4%QoQ)
โรงไฟฟ้าถ่านหินในประเทศไทยและญี่ปุ่นยังไม่มีปัญหาเนื่องจากอัตราค่าไฟฟ้าของโครงการหงสาและ BLCP เป็นแบบ levelized tariff ซึ่งจะมีการส่งผ่านต้นทุนถ่านหินโดยตรงไปให้กับผู้รับไฟ (Off-taker) ดังนั้น บริษัทจึงจะไม่มีกำไรหรือขาดทุนจากการดำเนินงาน เพราะความผันผวนของราคาถ่านหินทั้งนี้ บริษัทรายงานว่าผลการดำเนินงานของโครงการหงสาดีขึ้นเพราะสามารถผลิตไฟฟ้าได้โดยไม่สะดุดส่งผลให้ค่า equivalent available factors (EAF) สูงถึง 92% นอกจากนี้ถึงแม้ว่าจะมีการปิดซ่อมบำรุง BLCP นอกแผนจากกรณีท่อรั่ว แต่ค่า EAF ยังสูงถึง 87% อีกทั้ง บริษัทยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการ Nakoso IGCC เป็นครั้งแรกใน 2Q64 ด้วย
Valuation & Action
เรายังคงคำแนะนำ ขาย โดยประเมินราคาเป้าหมาย DCF ปี 2555 ที่ 14 บาท ทั้งนี้เนื่องจากอัตราค่าไฟฟ้าในประเทศจีนถูกควบคุมโดยรัฐบาลจีน โดยมีกลไกการปรับค่าไฟเพื่อสะท้อนราคาถ่านหินซึ่งมี lag time ค่อนข้างยาวเราคาดว่ากำไรขั้นต้นของ CHP จะยังไม่ฟื้นตัวใน 3Q64 แต่จะไปฟื้นใน 4Q เมื่อกลไกการปรับอัตราค่าไฟของรัฐบาลเริ่มมีผล ดังนั้นเราจึงคาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักของบริษัทในปีนี้จะยังคงเป็นไปตามประมาณการของเรา
Risks
ความล่าช้าในการจัดสรรกำลังการผลิตใหม่, การเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ของทางการ, โรงไฟฟ้าหยุดผลิตไฟฟ้า, และความล่าช้าในการก่อสร้างโครงการใหม่