ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้
น่าจะบวกได้ชัดกว่า 1-2 วันก่อนหน้านี้ ลุ้นฟันด์โฟลว์เร่งตัว
ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันศุกร์ ปรับตัวขึ้น ตามภาพปัจจัยต่างประเทศที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง… หลังจากเมื่อวานนี้ เป็นอีกวันที่ตลาดหุ้นไทยอ่อนแอกว่าคาด โดยผันผวนทั้งวันก่อนปิดเกือบไม่เปลี่ยนแปลง เพราะฟันด์โฟลว์ตลาดหุ้นยังคงชะลอตัว… ขณะที่ในวันนี้ ปัจจัยโดยรวมเป็นบวกมากขึ้น กล่าวคือ i) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ หลังจากสหรัฐฯ รายงานเงินเฟ้อผู้บริโภค (CPI) เดือน ธ.ค. 2565 ชะลอตัวลง และเป็นไปตามที่ consensus คาดการณ์ โดย headline CPI เพิ่มขึ้น 6.5% YoY และ Core CPI เพิ่มขึ้น 5.7% YoY ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจในภาคแรงงานยังคงแข็งแกร่ง ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์อยู่ที่ 2.05 แสนคน ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 2.15 แสนคน… ภาพรวมที่เงินเฟ้อชะลอและภาคแรงงานสหรัฐฯ ยังดี หนุนให้สินทรัพย์เสียงฟื้นตัว ii) ผู้ว่าการเฟดสาขา Philadelphia นาย Patrick Harker ชี้ว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดนับจากนี้ ควรปรับขึ้นเพียง 0.25% เนื่องจากเงินเฟ้อชะลอตัวแล้ว… ปัจจัยต่างๆ ข้างต้น ส่งผลให้บอนด์ยีลด์สหรัฐฯ และดัชนีค่าเงินดอลล่าร์ฯ ปรับลดลงค่อนข้างแรง และน่าจะหนุนให้บอนด์ยีลด์ของไทยลดลงต่อ และค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง น่าจะหนุนฟันด์โฟลว์ตลาดหุ้นไทยชัดเจนกว่าในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ด้านปัจจัยภายในประเทศ ภาพการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวไทยยังชัดเจนขึ้นเป็นลำดับ โดยหลังจากเราได้ปรับสมมติฐานจำนวนนักท่องเที่ยวปี 2566 จาก 25 ล้านคนเป็น 28 ล้านคนแล้ว ฝ่ายวิจัยฯ กำลังปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP growth ไทยปี 2566 จากที่ปัจจุบันมองไว้ที่ 4.1%
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน
เก็งกำไร ADVANC*, AMA, LEO
- ADVANC* (เป้า IAA Consensus 235 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 200 บาท / แนวต้าน 204 – 207 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/-212 บาท (Stop loss 197 บาท) 2) ประเมินเป็นหุ้น Big cap ที่ยัง Laggard ขณะที่คาดเศรษฐกิจฟื้นตัว + ภาวะการแข่งขันในอุตสาหกรรมฯ จะลดลง หลังคู่แข่งขันในตลาดฯ ลดลง (TRUE ควบรวม DTAC) ส่งผลให้แนวโน้มกำไรของ ADVANC จะฟื้นตัวดีตั้งแต่ 4Q65 และคาดกําไรปี 2566 โต +10% YoY 3) Consensus คาดปันผลส่วนของ 2H65 = 3.9 บาท/หุ้น (Yield 1.9%) และคาด Dividend yield เฉลี่ยปี 2566 +/- 4% 4) Catalyst บวกอื่นๆ ที่คาด Consensus ยังไม่รวมในประมาณการฯ i) การเข้าซื้อ TTTBB คาดจะแล้วเสร็จภายใน 1H66 ii) การทำธุรกิจ Virtual Banking จากการจับมือกับ KTB*
- AMA (เป้าพื้นฐาน 10 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 5.65 บาท / แนวต้าน 5.8 – 5.9 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ มีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 6.2 บาท (Stop loss 5.4 บาท) 2) ฝ่ายวิจัยฯประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงาน 4Q65 ทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้งที่ 198 ล้านบาท (+289% YoY, +7% QoQ) จากอุปทานเรือขนส่งน้ำมันปาล์มในภูมิภาคที่ลดลง ขณะที่อุปสงค์เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการนำเข้าน้ำมันปาล์มจากจีน 3) Forward PE ปี 2565 ค่าเพียง 6.5 เท่า คาดปันผลปี 2565 หุ้นละ 0.45 บาท (Dividend yield 7.9%)
- LEO (เป้า Consensus 14.1 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 12.5 บาท / แนวต้าน 12.9 บาท กรณี Break ผ่านแนวต้านนี้ได้มีโอกาสทดสอบกรอบแนวต้านถัดไป 13.2 – 13.5 บาท (Stop loss 12.2 บาท) 2) ประเมินการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศจะเริ่มฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญหลังเทศกาลตรุษจีน i) คาดค่าระวางเรือคอนเทนเทนเนอร์โดยเฉพาะในเส้นทางภูมิภาคเอเชียมี Downside ที่ต่ำแล้ว มี Upside จากการเปิดประเทศของจีน ii) คาด LEO ที่เป็นพันธมิตรกับ China Post Yunnan จะรับอานิสงค์โดยตรง 3) Valuation ไม่แพง Forward PE ปี 2566 ต่ำเพียง +/- 11 เท่า ขณะที่คาดกำไรปี 2566 ยังเติบโต +6% YoY ทะลุ +400 ล้านบาท
หุ้นมีข่าว
(+) แบงก์ไร้สาขาทุน 5 พันล. AIS-GULF*-KTB* เซ็นต้นก.พ. (ข่าวหุ้น) แบงก์ชาติเคาะเกณฑ์ขอใบอนุญาตตั้ง Virtual Bank สุดเข้ม เล็งให้ใบอนุญาตเพียง 3 ราย จากที่ขอเข้ามากว่า 10 ราย กำหนดทุนจดทะเบียน 5 พันล้าน ด้าน ADVANC จ่อลงนามตั้ง Virtual Bank ต้นเดือน ก.พ.นี้ ร่วมทุนกรุงไทยและกัลฟ์ ประเดิม 5 พันล้าน เดินหน้าธุรกิจเต็มรูปแบบ ปล่อยกู้ รับฝาก รองรับฐานลูกค้า AIS กว่า 45 ล้านราย และกรุงไทย 60 ล้านราย
(+) TRUE* – DTAC* ขอหยุด 9 วัน เร่งดีลควบรวมจบ Q1 ปีนี้ (ทันหุ้น) บอร์ด TRUE*-DTAC* มีมติ จัดตั้งบริษัทใหม่หลังควบรวมภายใต้ชื่อ “บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น หรือ TRUE* พร้อมเคาะอัตราจัดสรร 1 หุ้นเดิม TRUE* ต่อ 0,60018 หุ้นบริษัทใหม่ และ 1 หุ้นเดิม DTAC* ต่อ 6.13444 หุ้นในบริษัทใหม่ พร้อมขอพักการซื้อขายหุ้นชั่วคราว 9 วันทำการ 20 กุมภาพันธ์-2 มีนาคม 2566 รอการควบรวมเสร็จก่อนนำหุ้นใหม่เข้าขาย คาดควบรวมแล้วเสร็จในคลาสแรกของปีนี้
(+) “ท่องเที่ยว” คึกคัก หนุนเชื่อมั่นธ.ค.พุ่ง สูงสุดรอบ 25 เดือน (ไทยโพสต์) ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือน ธ.ค.65 บึ้มสูงสุดในรอบ 25 เดือน จากเศรษฐกิจฟื้น อานิสงส์ท่องเที่ยวบูม คาดจีดีพีปี 66 ขยายตัวได้ในกรอบ 3.5-4.0%
(+) คมนาคมอัดงบ 1.2 แสนล้าน (ไทยโพสต์) ลุยลงทุนโครงข่ายโลจิสติกส์ หวังดันจีดีพีประเทศโด 2.35% “ศักดิ์สยาม” อัดงบ 1.2 แสนล้านบาท ปูพรมเร่งลงทุนโครงข่ายคมนาคมในปี 66 หวังดันจีดีพีประเทศฟื้นตัว 2.35% เพิ่มขีดความสามารถพลิกโฉมประเทศ พร้อมกางแผนลุยโปรเจ็กต์ปีนี้ครอบคลุม บก-น้ำ-ราง-อากาศ
(+) OTO เดินหน้าแตกไลน์ธุรกิจใหม่ เล็งตั้งบ.ย่อย เสร็จ ก.พ. ลุย EV ขยายฐานรายได้ (ข่าวหุ้น) บอร์ด OTO ไฟเขียวแตกไลน์ธุรกิจใหม่ จัดตั้งบริษัทบ่อยดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการผลิต ประกอบ และจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า คาดแล้วเสร็จภายในเดือน ก.พ.นี้ ฟาก “คณาวุฒิ” มั่นใจก้าวสู่ธุรกิจ EV เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และขยายฐานรายได้ สร้าง New S-curve หนุนผลงานโตก้าวกระโดด
หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า
- แนะนำ “Let profit run” โดยกำหนด Trailing stop: TISCO* (Trailing stop 101 บาท)
- BAFS (เป้าพื้นฐาน 36.5 บาท) แนวรับ 32.0 บาท / แนวต้าน 34.0 – 36.0 บาท ผ่านกรอบนี้ได้แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 31.5 บาท)
- BBL* (เป้าพื้นฐาน 186 บาท) แนวรับ 155 บาท / แนวต้าน 159 – 161 (Trailing stop 153.5 บาท)
- BCH* (เป้าพื้นฐาน 26 บาท) แนวรับ 21.3 บาท / แนวต้าน 22.2 – 22.4 บาท (Trailing stop 21.3 บาท)
- COM7* (เป้าพื้นฐาน 37 บาท) แนวรับ 34.0 บาท / แนวต้าน 36.0 – 38.0 บาท (Trailing stop 33.5 บาท)
- BEC* (เป้าพื้นฐาน 12.3 บาท) แนวรับ 10.9 บาท / แนวต้าน 11.2 – 11.5 บาท (Stop loss 10.4 บาท)
- KTB* (เป้าพื้นฐาน 19.4 บาท) แนวรับ 17.8 บาท / แนวต้าน 18.1 – 18.4 บาท (Stop loss 17.8 บาท)
- NEX (เป้า Consensus 23.3 บาท) แนวรับ 17.7 บาท / แนวต้าน 18.3 – 18.6 บาท (Stop loss 17.7 บาท)
- BDMS* (เป้าพื้นฐาน 36.5 บาท) แนวรับ 29.75 บาท / แนวต้าน 31.0 – 32.0 บาท (Stop loss 29.5 บาท)
- OR* (เป้าพื้นฐาน 33.5 บาท) แนวรับ 23.8 บาท / แนวต้าน 24.2 – 24.4 บาท (Stop loss 23.6 บาท)
- GPSC* (เป้าพื้นฐาน 74 บาท) แนวรับ 74.0 บาท / แนวต้าน 76.5 – 80.0 บาท (Stop loss 73.0 บาท)
- BJC* (เป้า Consensus 38.7 บาท) แนวรับ 36.5 บาท / แนวต้าน 37.5 – 40.0 บาท (Stop loss 35.5 บาท)
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
- SCCC แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 182 บาท ฝ่ายวิจัยฯ เริ่มต้นออกบทวิเคราะห์ด้วยคำแนะนำ “ซื้อ” โดยประเมิน i) คาดแนวโน้มกำไรจะฟื้นตัวเด่นตั้งแต่ปี 2567 (ประเมินปี 2566 เป็นจุดต่ำสุด) ii) Valuation ไม่แพง ด้วย Forward PE 13 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ 15 เท่า) ฝ่ายวิจัยฯ แนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว” โดยเฉพาะหลังการรายงานงบฯ 4Q65 ที่คาดจะอ่อนแอ และมีโอกาสที่ Consensus จะปรับลดประมาณการฯลง ทั้งนี้คาดปันผลปี 2565 หุ้นละ 7 บาท (Yield 4.4%)
- LH* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 11.2 บาท จากการประชุมนักวิเคราะห์ มุมมองเป็นบวก โดยประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานยังโตเด่นต่อเนื่องในปี 2566 Catalyst บวกจากการประชุม i) การเปิดตัวโครงการใหม่มูลค่ารวม 3.5 หมื่นล้านบาท (+8% YoY) ii) คาดยอดโอนโครงการปีนี้โต +8% YoY iii) ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไร 4Q65 จะโต +5% YoY, +17% QoQ