Daily Focus Key: Resistance remains 1,695-1,700
2023SET Target: 1760
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัวขึ้นทดสอบ High เดิมที่ 1,695 จุดอีกครั้ง แต่ยังไม่สามารถทะลุผ่านได้ ก่อนจะมีแรงขายออกมากดดันโดยเฉพาะ DELTA ที่พักตัวลงแรงพอสมควร กดดันดัชนีให้ย้อนลงมาปิดลบ 5.72 จุด สถาบันในประเทศยังขายสุทธิในตลาดหุ้นอีก 537 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 517 ลบ. (และ Long Index Futures 5.5 พัน สัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่ง Sideways to Sideways Up โดยยังมีแนวต้านหลักที่ 1,695+- จุด ซึ่งสัปดาห์ก่อนทดสอบหลายครั้ง แต่ยังไม่สามารถผ่านได้ บรรยากาศการลงทุนโดยรวมยังค่อนข้างผ่อนคลาย แรงหนุนหลักยังคงอยู่ที่คาดการณ์อัตราดอกเบี้ย FED ที่ใกล้ Peak ในเดือน มี.ค. ที่ 4.75-5% ต่ำกว่า Dot Plot ที่ 5-5.25% หลังตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ชะลอตัวตามคาด อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าตลาดตอบรับประเด็นดังกล่าวไปมากพอสมควร ทำให้กระแสเงินทุนที่ไหลเข้าคาดว่าจะเริ่มลดความร้อนแรงลง ส่วนปัจจัยในประเทศโฟกัสอยู่ที่การเริ่มทยอยประกาศกำไร 4Q22 ของกลุ่มธนาคารสัปดาห์นี้ หากออกมาไม่ต่ำกว่าตลาดคาด เราเชื่อว่าจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อกลุ่ม Real Sector ที่จะเริ่มทยอย Preview และกาศกำไรตามออกมา ส่วนด้านการเมืองในประเทศยังเป็นอีกแรงหนุนจากการเลือกตั้งทั่วไปที่ใกล้เกิดขึ้น และยังไม่ปิดโอกาสเกิดการยุบสภาก่อนครบเทอม ระยะกลาง-ยาวยังชอบกลุ่ม Domestic/Reopening Play โดยมองจังหวะพักฐานเป็นโอกาสทยอยสะสม
กลยุทธ์ : ระยะสั้นเก็งกำไรหุ้น Growth และ Tech ที่ Laggard ตลาด // ระยะกลาง-ยาวยัง ชอบ Domestic และ Reopening Play
หุ้นเด่นเดือน ม.ค. : AAV, BCP, CENTEL, M, MAKRO
หุ้นเด่นวันนี้ : ADVANC
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 240 บาท
- คาดกำไร 4Q22 +4% Q-Q, -8% Y-Y เป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี หนุนจากรายได้ที่ทยอยฟื้นตัวทั้งธุรกิจมือถือ FBB และ Enterprise ขณะที่ฝั่งต้นทุนคาดสามารถควบคุมได้ดีในส่วน SG&A แต่ค่าใช้จ่ายโครงข่ายยังขยับขึ้นจากค่าไฟ เราคาดกำไรปี 2022 -6% Y-Y และ +4% Y-Y ปี 2023 โดยยังไม่ได้รวมการเข้าซื้อกิจการ FBB ในประมาณการ
- Catalyst บวกจากสถิติในอดีตคือ 1Q มักจะให้ผลตอบแทนเป็นบวกด้วยความน่าจะเป็น 90% ในช่วงปี 2010-2019 ก่อนวิกฤต COVID-19 หนุนจากการประกาศจ่ายปันผล เราคาด Dividend Yield ต่อปีราว 4-4.3%
- แนวรับ 199//194 บาท แนวต้าน 204-206 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคอีก US$1,301 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$1,039 ล้าน และ US$399 ล้าน ตามลำดับ หนุนจาก Dollar Index และ Bond Yield สหรัฐฯ ที่ปรับลงตามทิศทางเงินเฟ้อที่ชะลอ ทำให้เม็ดเงินกลับเข้าสินทรัพย์เสี่ยง แต่อาเซียนเม็ดค่อนไปในฝั่งไหลออกนำโดยเวียดนาม US$130 ล้าน ส่วนอินโดนีเซียยังไหลออกต่อเนื่อง แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังอยู่ในทิศทางไหลเข้าต่อเนื่องโดยปัจจัยบวกยังอยู่ที่คาดการณ์ดอกเบี้ย FED ใกล้ Peak ตามเงินเฟ้อที่ชะลอ
ประเด็นสําคัญวันนี้
(+) กลุ่มธนาคารจะทยอยประกาศกำไร 4Q22 สัปดาห์นี้ ตลาดคาดกำไรของกลุ่มฯ จะชะลอตัวเล็กน้อย -3% Q-Q แต่คาดโตแรง +21% Y-Y ตามภาพเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวและดอกเบี้ยที่ปรับขึ้น รวมถึงการตั้งสำรองที่ลดลง ธนาคารที่คาดมีกำไรโดดเด่นสุดคือ BBL ที่คาดโตแรงทั้ง Q-Q และ Y-Y ส่วน KTB คาดโตสูง Y-Y โดยหากภาพรวมออกมาใกล้เคียงคาด จะทำให้กำไรปี 2022 ของกลุ่มฯคาด +20% Y-Y แนวโน้มปี 2023 คาดว่ายังฟื้นตัวต่อเนื่อง ทั้งจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ยังมีโอกาสปรับขึ้นอีก 0.50-0.75% สินเชื่อที่มีแนวโน้มขยายตัวตามเศรษฐกิจที่ฟื้น ระยะสั้นราคาหุ้นกลุ่มธนาคารเริ่มเห็นจังหวะพักตัวบ้างหลัง SETBANK ปรับขึ้น +5% YTD เทียบกับจุดสูงสุด และ RSI เข้าเขต Overbought แต่ในแง่ Valuation ยังไม่แพง โดยปัจจุบันเทรด PBV เพียง 0.7 เท่า เทียบกับก่อน COVID-19 ที่ราว 0.8-0.9 เท่า Top Pick ยังเป็น BBL KTB TTB
(+) BEM เราคาดกำไร 4Q22 -26% Q-Q, +57% Y-Y ได้อานิสงส์จากทั้งการฟื้นตัวของปริมาณรถบนทางด่วน และผู้โดยสารรถไฟฟ้าที่เร่งตัวขึ้นทั้ง Q-Q และ Y-Y ตามการเปิดเมือง ขณะที่ฝั่งต้นทุนคาดเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกับรายได้โดยเฉพาะค่าบำรุงรักษาและค่าไฟ ทำให้ปี 2022 เราคาดกำไร +152% Y-Y แนวโน้มปี 2023 คาดว่ายังคงเติบโตได้ต่อเนื่องอีก +64% Y-Y ขณะที่สายสีส้มคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 1Q23 โดยเรารวมมูลค่าเพิ่มจากรถไฟฟ้าสายสีส้มเข้าไว้ในประมาณการ ส่งผลให้ราคาเป้าหมายปรับขึ้นจาก 9.90 บาทเป็น 11.50 บาท ยังคงคำแนะนํา “ซือ”
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 112.64 จุด หรือ +0.33% ปิดที่ 34,302.61 จุด ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคารที่ปรับตัวขึ้นหลังจากเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่แข็งแกร่ง
(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก ได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์และกลุ่มธนาคาร
(0) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดผสม จากความคาดหวังว่า FED จะชะลอการขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่ญี่ปุ่นเปิดลงจากความกังวลว่า BOJ จะทบทวนผลกระทบของการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษ (ultraloose monetary policy)
(+) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 32.90 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.47 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 79.86 ดอลลาร์/บาร์เรล จากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง และความคาดหวัง Demand น้ำมันจะสูงขึ้นจากจีนเปิดประเทศ ในขณะที่เช้านี้ปรับขึ้นต่อที่ ระดับ 79.90 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.05%
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 22.9 ดอลลาร์ หรือ 1.21% ปิดที่ระดับ 1,921.7 ดอลลาร์/ออนซ์ ได้แรงหนุนจากเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง และตัวเลขเงินเฟ้อที่ชะลอตัวทำให้เกิดความคาดหวังว่า FED จะชะลอการขึ้นดอกเบี้ย ในขณะที่เช้านี้ย่อตัวเล็กน้อยที่ระดับ 1,921.1 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ -0.03%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 912.14 / –