บล.บัวหลวง: 

Total Access Communication (DTAC TB / DTAC.BK)

DTAC – การจัดตั้งบริษัทใหม่คาดเสร็จสิ้นภายในไตรมาส 1/66

เรายังคงแนะนำให้ผู้ถือหุ้น DTAC ถือหุ้น DTAC เพื่อไปแลกหุ้นให้เป็นหุ้นของบริษัทใหม่ เนื่องจากความคาดหวังสำหรับผลประโยชน์ร่วมจากการควบรวมบริษัท (synergy) ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในปีที่สองเป็นต้นไป หลังจากการควบรวมบริษัท เรายังคงแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” หุ้น DTAC เนื่องจากมูลค่าหุ้นที่ยังคงดูน่าสนใจ ด้วยอัตราส่วน EV/EBITDA ที่ 6.2 เท่า (เทียบกับระดับสูงสุดครั้งล่าสุดที่ 6.6 เท่าในเดือนมี.ค. 2565)

บริษัทใหม่ (ซึ่งจะใช้ชื่อว่า “TRUE”) จะเริ่มซื้อขายตั้งแต่วันที่ 3 มี.ค 2566

เมื่อวันที่ 12 ม.ค. 2566 บอร์ดของทั้ง TRUE และ DTAC ได้อนุมัติการจัดประชุมผู้ถือหุ้นร่วมระหว่างผู้ถือหุ้น TRUE และ DTAC ซึ่งจะจัดให้มีขึ้นในวันที่ 23 ก.พ. 2566 เพื่ออนุมัติในเรื่องสําคัญ เช่น ชื่อของบริษัทใหม่ (ซึ่งเสนอให้ใช้ชื่อเดิมคือ ชื่อ “บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น” หรือชื่อที่ทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ชื่อเดียวกันคือ “TRUE”) จํานวนทุนจดทะเบียน จํานวนหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ และทุนชำระแล้ว รวมถึงการเลือกกรรมการของบริษัทใหม่ วันซื้อ ขายวันสุดท้ายของทั้งหุ้น TRUE (หุ้น “TRUE” เดิม) และ DTAC คือวันที่ 17 ก.พ. 2566 วันปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นที่จะได้รับสิทธิในการจัดสรรหุ้นของบริษัทใหม่คือวันที่ 22 ก.พ. 2566 บอร์ดของ TRUE และ DTAC ได้ขอระงับการซื้อขายหุ้นของทั้งสองบริษัทเป็นระยะเวลา 9 วันทำการ (20 ก.พ.-2 มี.ค. 2566) เพื่อทําการจัดสรรหุ้นของบริษัทใหม่ และเรื่องสําคัญอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง วันชื้อขายหุ้นของบริษัทใหม่ (หรือหุ้น “TRUE”) วันแรกคือวันที่ 3 มี.ค. 2566

แนะนำให้ “ถือ” หุ้น TRUE และ DTAC เพื่อที่จะแลกเป็นหุ้นของบริษัทใหม่ (หรือ หุ้น “TRUE” ใหม่)

เราประเมินราคาเป้าหมายของหุ้น DTAC ได้ที่ 61.5 บาท/หุ้น ด้วยวิธี DCF ซึ่ง ได้รวม synergy เข้ามาจำนวน 3.24 หมื่นล้านบาทสำหรับระยะเวลา 15 ปี ข้างหน้า และเนื่องจากถ้าใช้ราคาเป้าหมาย (ที่รวม synergy แล้ว) ที่ 61.5 บาท/หุ้น (สําหรับ DTAC) และ 6.40 บาท/หุ้น (สําหรับ TRUE) เราจะสามารถคํานวณราคาเป้าหมายของบริษัทใหม่ได้ที่ 10.40 บาท/หุ้น มูลค่า synergy ในกรณีปกติของเราคิดเป็น 13.7 บาท/หุ้น (สําหรับหุ้น DTAC) 0.97 บาท/หุ้น (สำหรับหุ้น TRUE เดิม) และ 0.94 บาท/หุ้น (สำหรับหุ้นบริษัทใหม่หรือหุ้น TRUE ใหม่) เรายังคงแนะนำให้นักลงทุน “ถือ” หุ้น TRUE และ DTAC เพื่อที่จะไปแลกเป็นหุ้นของบริษัทใหม่ เนื่องจากความคาดหวัง synergy ที่จะมาจากทั้งรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการขายข้ามผลิตภัณฑ์สินค้าและบริการ (cross-sell) และการขายผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ไปสู่ราคาที่แพงขึ้น (up-sell) และการลดต้นทุนที่ทับซ้อนกัน ซึ่งเราคาดว่าจะเริ่มเห็นตั้งแต่ปีที่สองเป็นต้นไปหลังจากการควบรวมบริษัท

ส่องกล้องไตรมาส 4/65-คาดกำไรหลักลดลง เนื่องจากค่าใช้จ่ายด้านโครงข่ายที่เพิ่มขึ้นแรง

เราคาดรายได้บริการ (ที่ไม่รวมไอซี) ในไตรมาส 4/65 ของ DTAC ที่ 1.41 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.7% YoY และ 1.1% QoQ ซึ่งถือว่าปรับตัวดีขึ้นจากที่ลดลง 0.3% YoY และเพิ่มขึ้น 0.1% QoQ ในไตรมาส 3/65 เรามองว่าการแข่งขันดูดีขึ้นเล็กน้อยจากการปรับเปลี่ยนแพ็กเก็จพรีเพดราคาถูกที่ยกเลิกการโทรฟรี และลดการขายแพ็กเก็จ 100 บาทให้น้อยลง การฟื้นตัวของรายได้บริการในไตรมาส 4/65 ยังได้รับปัจจัยหนุนจากภาวะการจับจ่ายใช้สอยที่กลับมาดีขึ้นเล็กน้อยช่วงไฮซีซั่น และการกลับมาของแรงงานต่างด้าวและนักท่องเที่ยว จำนวนผู้ใช้บริการรายใหม่สุทธิในไตรมาส 4/65 ยังคงแข็งแกร่ง แม้ว่าจะลดลง QoQ ก็ตาม เนื่องจากฐานที่สูงมากในไตรมาส 3/65 จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่แตะระดับสูงสุดในไตรมาส 3/65 เราคาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/65 ที่ 320 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 87% YoY แต่ลดลง 35% QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษ ได้แก่ รายการอัตราแลกเปลี่ยน และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการควบรวมกิจการที่บันทึกครั้งเดียว 140 ล้านบาท เราคาดกำไรหลักในไตรมาสนี้ที่ 450 ล้านบาท ลดลง 23% YoY และ 18% QoQ กำไรหลักที่คาดว่าจะลดลงเนื่องจากค่าใช้จ่ายด้านโครงข่ายที่เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด (จากผลกระทบทั้งไตรมาสของค่าไฟที่ปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนก.ย) และภาระดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้น ซึ่งกลบ ค่าใช้จ่ายด้านการตลาดและค่าใช้จ่ายในการบริหารงานทั่วไปที่ลดลง และรายได้บริการที่เพิ่มขึ้น

- Advertisement -