บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

Action TRADING (Upgrade)

TP upside (downside) +2.0%

Close Jan 13, 2023 Price (THB) 10.10 

12M Target (THB) 10.30

Previous Target (THB) 10.80

What’s new?

  • คาด 4Q65 จะมีกำไรสุทธิ 94 ล้านบาท ฟื้นตัว QoQ จากขาดทุนสูง 5.0 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการยังอยู่ระดับต่ำ และลดลง -95% YoY จากขาดทุนสต๊อกน้ำมันราว 2.0 พันล้านบาท
  • ปรับลดกำไรสุทธิปี 2565 ลง 33 สะท้อนผลขาดทุนสต็อกน้ำมันมากกว่าคาด ส่งผลให้คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2565 อยู่ที่ 7.5 พันล้านบาท (+58% YoY)

Our view

  • ปี 2566 คาดค่าการกลั่นลดลง YoY จากฐานสูงผิดปกติ แต่เชื่อว่ายังอยู่ระดับค่าเฉลี่ยในอดีตได้ เพราะอุปทานใหม่จะถูกชดเชยด้วยการฟื้นตัวของอุปสงค์จากจีน, สต็อกระดับต่ำ, ต้นทุนน้ำมันลดลง
  • คงคาดการณ์ปี 2566 ที่ 4.5 พันล้านบาท (-40% YoY)
  • 2 เดือนที่ผ่านมาหุ้น -17% สอดคล้องมุมมองของเรา ปัจจุบันซื้อขายไม่แพง -1.0 SD จึงแนะนำ TRADING ราคาเหมาะสมใหม่ 10.30 บาท ทั้งนี้ ยังไม่ต้องรีบซื้อ เพราะ 1Q66 ยังเป็น Low season ของน้ำมันเบนซิน, ท่อ SPM ยังล่าช้า, ปันผล 2565 มีความไม่แน่นอน

STAR PETROLEUM REFINING ฟื้นตัว QoQ แต่ยังอยู่ระดับต่ำ

คาด 4Q65 ดีขึ้น QoQ แต่ขาดทุนสต็อกฉุดงบให้อยู่ระดับต่ำ

สำหรับ 4Q65 แม้ว่าจะมีปัจจัยบวกจากการใช้น้ำมันในประเทศฟื้นตัวช่วงเทศกาลเดินทาง, ตลาดน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศตึงตัวจากโรงกลั่นปิดซ่อม, Crack Spread น้ำมันขั้นกลางสูงขึ้นตามอุปสงค์ช่วงฤดูหนาว – การเดินทางท่องเที่ยว – อุปสงค์ทดแทนก๊าซธรรมชาติ, ต้นทุน Crude Premium ลดลง และกำไร FX จากเงินบาทแข็งค่า 960 ล้านบาท โดยเราประเมินว่าอัตราการผลิตจะทำได้ 162kbd (+4% QoQ, +16% YoY) และค่าการกลั่นสูงขึ้นเป็น US$6.3/bbl (+5% QoQ, +6% YoY) อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการได้รับปัจจัยลบจาก 1) การปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมาเฉลี่ยที่ US$85/bbl (เทียบกับ US$97/bbl ในไตรมาสก่อน) ส่งผลให้จะมีขาดทุนสต๊อกน้ำมันสูง 2.0 พันล้านบาท (จากขาดทุน 6.9 พันล้านบาทใน 3Q65 และกำไร 931 ล้านบาทใน 4Q64) 2) ผลกระทบจากค่าขนส่งสูงขึ้นราว US$1/bbl ตามค่า Freight ที่เพิ่มขึ้น และทุนรับน้ำมัน (SPM) ยังไม่สามารถใช้งานได้ 3) ค่าใช้จ่ายการดำเนินงานสูงขึ้นตามฤดูกาล ส่งผลให้คาดว่า 4Q65 จะมีกำไรสุทธิเล็กน้อยที่ 94 ล้านบาท พลิกจากขาดทุน 5.0 พันล้านบาทใน 3Q65 แต่ผลประกอบการยังอยู่ระดับต่ำ และ 95% YoY จากขาดทุนสต๊อกน้ำมันจํานวนมาก

ปรับกำไรปี 2565 ลง 33%

หาก 4Q65 เป็นไปตามคาด ประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 เดิมจะมี Downside จากผลขาดทุนสต็อกน้ำมันมากกว่าคาด จากเหตุผลข้างต้นเราลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 ลง 33% (กำไรปกติลดลง 8%) เป็น 7.5 พันล้านบาท (+58% YoY) โดยหลักมาจากการปรับสมมติฐานขาดทุนสต็อกน้ำมันเป็น 1.4 พันล้านบาท (เดิมคาดว่าจะกำไร 3.2 พันล้านบาท) และค่าการกลั่นลดลงเหลือ US$9.8/bbl (เดิม US$10.2/bbl)

คงประมาณการปี 2566 ชะลอลงจากฐานสูง

เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ไว้ที่ 4.5 พันล้านบาท ลดลง -40% YoY โดยหลักมาจากสมมติฐานค่าการกลั่นที่ US$6.2/bbl ลดลงจากปี 2565 ที่ US$9.8/bbl ซึ่งเป็นปีที่ค่าการกลั่นสูงผิดปกติ ทั้งนี้ เราเชื่อว่าค่าการกลั่นยังอยู่ในระดับค่าเฉลี่ยได้ เนื่องจากอุปทานกำลังกลั่นใหม่ในภูมิภาคที่กำลังเข้าสู่ตลาดช่วง 2H66 น่าจะถูกชดเชยด้วยความต้องการใช้ที่ฟื้นตัวหลังจีนผ่อนปรนมาตรการควบคุม, ปริมาณสินค้าคงคลังอยู่ระดับต่ำ, ต้นทุนน้ำมัน Crude premium ลดลง

Downside เริ่มจำกัด….แต่ยังไม่ต้องรีบลงทุน อย่าคาดหวังกับเงินปันผล 2H65

ราคาหุ้นปรับตัวลดลง 17% ในช่วง 2 เดือน ตั้งแต่เรามีมุมมองเป็นลบ ราคาปัจจุบันซื้อขายบน PBV 1.1 เท่า (-1.0 SD) ถือว่าไม่แพง ทางพื้นฐานจึงปรับคำแนะนำเป็น TRADING ราคาเหมาะสมใหม่ 10.30 บาท (ลดลงจากเดิมที่ 10.80 บาท เพราะการปรับลดกำไรปี 2565) อย่างไรก็ตาม มองว่ายังไม่ต้องรีบเข้าลงทุน เนื่องจาก 1Q66 ยังเป็นช่วง Low season ของการใช้น้ำมันเบนซินในสหรัฐฯ (ผลิตภัณฑ์เด่นของ SPRC), ความล่าช้าการใช้งานท่อ SPM, ความไม่แน่นอนของเงินปันผลงวด 2H65 โดยผลประกอบการช่วง 2H65 ที่ขาดทุน และ Payout ratio งวด 1H65 สูง 33% เทียบกับคู่แข่งเฉลี่ยราว 15% ทำให้กังวลว่าเงินปันผลงวด 2H65 อาจไม่มีหรือลดลง HoH อย่างมีนัยสำคัญเทียบกับคู่แข่ง (บริษัทฯ จะประกาศผลประกอบการ 4Q65 วันที่ 24 ก.พ.)

- Advertisement -