บล.บัวหลวง: 

MEB – แพลตฟอร์มหนังสือออนไลน์อันดับ 1 ในไทย (IPO Report)

Executive Summary

เราประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 2023 ของ MEB ที่ 8,144-9,600 ล้านบาท หรือเทียบเป็นราคา 27.1-32.0 บาท/หุ้น โดยอิงวิธีการประเมินมูลค่ากิจการแบบ PEG ที่ 1.23 เท่า (ค่าเฉลี่ยของผู้ผลิตเนื้อหาชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ) เมื่อนำไปคิดกับ 2023 EPS ที่ 1.24 บาทต่อหุ้นและการเติบโตของกำไรปี 2023 ที่ 17.8% เราได้มูลค่าพื้นฐานจากวิธี PEG ที่ 27.1 บาท คิดเป็น implied PER ที่ 21.8 เท่า สำหรับวิธี DCF เราคิดบนสมมติฐาน WACC ที่ 9.9% และ Terminal growth ที่ 1.5% เราได้มูลค่าพื้นฐานของ MEB ที่ 32.0 บาทต่อหุ้น คิดเป็น Implied PER ปี 2023 ได้ที่ 25.7 เท่า

ผลประกอบการที่ผ่านมา และคาดการณ์การเติบโตของกำไรหลัก

ในปี 2020 และ 2021 บริษัทฯ รายงานกำไรสุทธิที่ 165 และ 275 ล้านบาท โต 100.7% และ 67.1% YoY ตามลำดับ การเติบโตของกำไรสูงกว่าการเติบโตของรายได้ที่โต 62.9% มาอยู่ที่ 1,001 ล้านบาทในปี 2020 และโต 44.3% มาอยู่ที่ 1,444 ล้านบาท ในปี 2021 กำไรมีการเติบโตในอัตราที่สูงกว่ารายได้จากการที่ Monthly Active Users (หรือ “MAU”) และ รายได้ต่อ MAU มีการเติบโตในระดับสูง นอกจากนี้ต้นทุน และค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารบางส่วนของ MEB ที่ค่อนข้างคงที่ ทำให้ MEB เห็นการขยายตัวของอัตราการทำกำไรในช่วงปี 2021-2022 อย่างต่อเนื่อง

เราคาดกำไรสุทธิปี 2022-24 ที่ 317 373 และ 436 ล้านบาท เติบโต 15.0% 17.8% และ 16.9% ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย 16.6% CAGR ปี 2022-24 การเติบโตของ MAU ของทั้ง meb และ readAwrite เป็นปัจจัยหลักในการหนุนการเติบโตของกำไร

สรุป 4 ประเด็นสำคัญในการลงทุนดังนี้…

Positive #1—เป็นแพลตฟอร์มหนังสือออนไลน์ที่มีรายได้เป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย

MEB ถือเป็นแพลตฟอร์มหนังสือออนไลน์ที่มีส่วนแบ่งรายได้เป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย (เมื่อพิจารณาจากรายได้) ที่ทำรายได้ทิ้งห่างจากคู่แข่งอย่างมาก โดยจุดเด่นที่ทำให้ MEB ได้รับความนิยมคือ เนื้อหาที่นำเสนอ ความเสถียรของระบบและความง่ายในการใช้งานของแพลตฟอร์ม และจากความสัมพันธ์กับสำนักพิมพ์และนักเขียนที่ดีที่มีมาอย่างยาวนาน (เนื่องจากผู้ก่อตั้งดำเนินธุรกิจอยู่ในอุตสาหกรรมหนังสือมาอย่างยาวนาน) และการบริการที่ให้กับทั้งผู้ใช้งานและเจ้าของผลงานที่ดี (MEB มีทีมช่วยเหลือผู้ใช้บริการและเจ้าของผลงานที่ทำงาน ตั้งแต่ 6.00-2.00 น. ทุกวัน และมีการสร้างระบบที่เจ้าของผลงานสามารถตรวจสอบยอดขายและสถิติต่างๆ ได้ด้วยตนเอง) ทำให้ MEB มีความสามารถในการหาผลงานวรรณกรรมลิขสิทธ์ที่หลากหลายและตรงกับความต้องการของผู้อ่านได้ดี โดย ณ สิ้นเดือนกันยายน 2022 meb และ Hytexts มี E-book ทั้งหมดกว่า 180,000 เล่ม/ชุด (SKU) และ 35, 000 เล่ม/ชุด (SKU) ตามลำดับ และ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2022 meb มีเจ้าของผลงานทั้งหมด (อย่างเช่นนามปากกา กิ่งฉัตร แก้วเก้า และ ว วินิจฉัยกุล ที่ E-book เจ้าอื่นไม่มี) นอกจากนี้บริษัทฯ พยายามตอบสนองความชอบของลูกค้าที่แตกต่างกันไป ด้วยการนำเสนอวรรณกรรมผ่านแพลตฟอร์มที่แตกต่าง โดย meb นำเสนอวรรณกรรมลิขสิทธิ์เล่ม ส่วน readAwrite นำเสนอวรรณกรรมตอน หรือนิยายแชท ที่สมาชิกสามารถโพสต์เนื้อหาได้ด้วยตัวเอง และเพื่อเป็นการดึงดูดนักอ่าน MEB มีการจัดโปรโมชั่นตลอดทั้งปี และมีการปรับปรุงการออกแบบแพลตฟอร์มให้ใช้งานง่าย น่าสนใจอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งมีระบบการชำระเงินที่สะดวกสบายและเสถียร (SLA Uptime ไม่ต่ำกว่า 99.5% ซึ่งคิดเป็น Downtime ประมาณไม่เกิน 1 ชั่วโมงต่อสัปดาห์)

Positive #2—อุตสาหกรรมหนังสือออนไลน์ยังมีแนวโน้มการเติบโตสูง

แม้การเติบโตของอุตสาหกรรมหนังสือเป็นเล่มในประเทศไทยจะอยู่ในระดับที่ไม่สูงมาก แต่เรายังมองการเติบโตของอุตสาหกรรมหนังสือออนไลน์ในช่วง 3-4 ปีข้างหน้า ในระดับมากกว่า 10% ต่อปี จากเทรนด์การที่ผู้บริโภคยอมจ่ายเงินซื้อความบันเทิงออนไลน์มากขึ้น และจากส่วนแบ่งการตลาดของหนังสือออนไลน์ในประเทศไทยที่อยู่ในระดับต่ำ (ต่ำกว่า 20% ในปี 2021) เมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้วอย่างเช่น อเมริกาที่มีสัดส่วนผู้อ่านหนังสือผ่าน E-reader สูงถึง 50% (จากข้อมูลของ Statista) นอกจากนี้ในระยะสั้นมาตรการช็อปช่วยชาติ น่าจะเป็นปัจจัยส่งเสริมยอดขายหนังสือออนไลน์ ยิ่งไปกว่านั้นจากข้อดีของหนังสือออนไลน์ คือความสะดวกในการซื้อหนังสือที่จะซื้อจากที่ใดและเมื่อใดก็ได้ ราคาที่ย่อมเยาหนังสือเป็นเล่ม ความหลากหลายของวรรณกรรมที่เสนอขายบนแพลตฟอร์ม การนำไปใช้และการจัดเก็บ เรามองอุตสาหกรรมหนังสือออนไลน์จึงน่าจะได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ถือได้ว่าอุตสาหกรรม E-book เป็นการ “Ride the trend” จากอัตราการใช้สมาร์ทโฟนมากข้ึน และเป็นการรักโลกอีกด้วย (เพราะสามารถประหยัดกระดาษและการตัดต้นไม้ได้)

Positive #3 – กลยุทธ์ “เจอ จ่าย จบ” ทำให้ MEB แปลงผู้ใช้งานเป็นยอดรายได้และกำไรจริง

MEB สามารถทำรายได้และกำไรต่อผู้เข้าชมเป็นอันดับ 1 เมื่อเปรียบเทียบกับแพลตฟอร์มหนังสือออนไลน์อื่นๆ ในประเทศไทย จากกลยุทธ์ “เจอ จ่าย จบ” ที่เน้นสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า โดยการเพิ่มวรรณกรรมที่น่าสนใจเพื่อดึงดูดผู้ใช้บริการเดิม และผู้ใช้บริการใหม่พัฒนาดูแลการใช้งาน และรักษาเทคโนโลยีให้มีเสถียรภาพ และพัฒนาระบบบริการ และการอ่านหนังสือให้มีความรวดเร็ว และง่ายต่อการใช้งาน โดยบริษัทฯ มีการลดขั้นตอนการสมัครสมาชิก การเลือกวรรณกรรม การจ่ายเงิน และการอ่าน วรรณกรรมที่ซื้อแล้ว (แค่เข้าคลังหนังสือ และก็กดอ่านได้เลย) ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวถือเป็นการตอบโจทย์ลูกค้าของบริษัทฯ เป็นอย่างมาก

Positive #4-ความสามารถในการทำกำไรและสถานะทางการเงินแข็งแกร่ง

อัตราการทำกำไรและความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดของ MEB ถือว่าเป็นอันดับ 1 ของอุตสาหกรรมจากการที่บริษัทฯ ใช้วิธีแบ่งจากรายได้ให้เจ้าของเน้ือหา (Revenue sharing) และมีต้นทุนการดำเนินงานอื่นๆ ที่สมเหตุสมผล นอกจากนี้การทที่ผู้อ่านต้องชำระเงินก่อนจะสามารถเข้าถึงวรรณกรรมออนไลน์ได้ และการที่บริษัทฯ ไม่มีสต็อกสินค้า ทำให้ MEB มีความต้องการเงินทุนหมุนเวียนในระดับที่ต่ำมาก กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของ MEB จึงใกล้เคียงกับกำไรสุทธิของบริษัทฯ และบริษัทฯ เองก็อยู่ใน Net cash position (เนื่องจากบริษัทไม่มีหนี้สิน) นอกจากน้ี การที่ CRC เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ MEB ก็มีส่วนช่วยทำให้บริษัทฯ ประหยัดค่าใช้จ่ายด้านการดำเนินงานในหลายด้าน

ความเสี่ยงที่สำคัญ: ความเสี่ยงจากการพึ่งพิงของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศในการดำเนินธุรกิจ, การพึ่งพาแพลตฟอร์ม meb ค่อนข้างมาก

- Advertisement -