บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

Action BUY (Maintain)

TP upside (downside) +16.3%

Close Jan 17, 2023 Price (THB) 56.75

12M Target (THB) 66.00

Previous Target (THB) 66.00

What’s new?

  • คาดกําไรสุทธิ 4Q65 ทําได้ 404 ล้านบาท ฟื้นตัว QoQ จากฐานต่ำ แต่ภาพรวมยังอยู่ระดับต่ำ และ -92% YoY เพราะ Margin ธุรกิจการกลั่น – อะโรมาติกส์ที่ดีขึ้น และกำไร FX ถูกหักล้างด้วยขาดทุนสต็อกน้ำมันจํานวนมาก 6.1 พันล้านบาท – การปิดซ่อมบำรุงหน่วยกลั่นที่ 2, ขาดทุน Hedging, ส่วนแบ่งขาดทุนจากธุรกิจโอเลฟินส์
  • ปรับกำไรปี 2565 ลง 16% เป็น 3.3 หมื่นล้านบาท สะท้อนความผันผวนจากราคาน้ำมัน

Our view

  • แนวโน้มกำไร 1Q66 ฟื้นตัว QoQ เพราะ 1) ผ่านการปิดซ่อมบำรุง 2) ค่าการกลั่นมีปัจจัยหนุนจากจีนเปิด ประเทศ, Crude Premium ลดลง, สต็อกอยู่ระดับต่ำ, ข่าวโรงกลั่นจีนไฟไหม้ 3) ขาดทุนสต๊อกน้ำมันลดลง เพราะเศรษฐกิจโลกเริ่มดูดีขึ้น จีนผ่อนปรนการควบคุม, สหรัฐฯ ซื้อน้ำมันเข้าคลัง SPR
  • แนะนํา “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 66.00 บาท ทั้งนี้ อาจรอเมื่อราคาอ่อนตัวหรือหลังรายงานงบ 4Q65 เพราะงบไม่เด่น คาดการณ์ Downside, ปันผล 2H ไม่สูง

THAIOIL 4Q65 ดีขึ้นแต่ยังไม่เด่น….รอลุ้นฟื้นตัว 1Q66

คาด 4Q65 ฟื้นตัว QoQ แต่ขาดทุนสต็อกน้ำมันกดดันให้งบไม่เด่น

สำหรับ 4Q65 แม้ผลการดำเนินงานหลักมีปัจจัยหนุนจาก 1) ค่าการกลั่นคาดทำได้ US$9.1/bbl สูงขึ้น QoQ และ YoY ตาม Crack Spread น้ำมันดีเซล – น้ำมันอากาศ และต้นทุนน้ำมัน Crude Premium ลดลง 2) อัตรากำไรอะโรมาติกส์ฟื้นตัว QoQ เป็น US$0.8/bbl จากต้นทุนวัตถุดิบ (ULG95) ปรับตัวลดลง รวมทั้ง 3) เงินบาทแข็งค่าจะทำให้มีกำไรอัตราแลกเปลี่ยน 2.1 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม คาดกำไรสุทธิจะทำได้เพียง 404 ล้านบาท ฟื้นตัวจากฐานต่ำใน 3Q65 แต่ยังถือเป็นกำไรรายไตรมาสระดับต่ำ และ -92% YoY เนื่องจากปัจจัยบวกข้างต้นถูกหักล้างด้วย 1) การปรับฐานของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ส่งผลให้คาดว่าจะมีขาดทุนสต็อกน้ำมันสูง 6.1 พันล้านบาท (เทียบกับขาดทุน 9.0 พันล้านบาทใน 3Q65 และกำไร 3.3 พันล้านบาทใน 4Q64) 2) อัตราการกลั่นคาดทําได้เพียง 104% ทรงตัว QoQ และ -5% YoY เพราะเป็นช่วงปิดซ่อมบำรุงหน่วยกลั่นที่ 2 (CDU #2) กำลังผลิต 50kbd 3) อัตรากำไรผลิตภัณฑ์หล่อลื่นทำได้ US$1.2/bbl ลดลง QoQ จากกระบวนการผลิตที่เชื่อมโยงกับ CDU#2 4) ขาดทุน Hedging 1.2 พันล้านบาท 5) ส่วนแบ่งขาดทุนจากธุรกิจโอเลฟินส์ตามภาวะตลาดที่อ่อนแอ

ปรับกำไรปี 2565 ลง 16% จากผลกระทบขาดทุนสต็อกน้ำมัน

หาก 4Q65 เป็นไปตามคาด ประมาณการทําไรปี 2565 เดิมจะมี Downside จากความผันผวนของราคาน้ำมันช่วงปลายปี จากเหตุผลข้างต้นเราปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2565 ลง 16% เป็น 3.3 หมื่นล้านบาท (+161% YoY) มาจากการปรับลดสมมติฐานกำไรสต็อกน้ำมันจาก US$4.5/bbi เหลือ US$1.2/bbl ขณะที่ปรับลดผลการดำเนินงานปกติลงเล็กน้อย 2% สาเหตุหลักมาจากการปรับสมมติฐานอัตราการกลั่น และค่าการกลั่นลงเล็กน้อย 4-6%

1Q66 ดีขึ้นตามราคาน้ำมันที่มี Downside จำกัด และค่าการกลั่นประคองตัว

แนวโน้มผลประกอบการ 1Q66 ดีขึ้น QoQ เนื่องจาก 1) ค่าการกลั่นจะทรงตัวระดับ US$7-9/bbl หนุนจากข่าวการผ่อนปรนมาตรการควบคุมของจีน, Crude Premium ลดลง, ปริมาณสินค้าคงคลังอยู่ระดับต่ำ และโรงงาน Panjin Haoye กำลังการกลั่น 130kbd เกิดเหตุไฟไหม้รุนแรง อาจต้องปิดซ่อมหลายเดือน ช่วยชดเชยการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปของจีนที่เพิ่มขึ้น 2) ขาดทุนสต็อกน้ำมันลดลง QoQ อย่างมีนัยยะ เชื่อว่าราคาน้ำมันดิบดูไบเดือนธ.ค. เฉลี่ยที่ US$77/bbl มี Downside จำกัด เพราะเศรษฐกิจโลกมีสัญญาณดีขึ้น จีนผ่อนปรนมาตรการควบคุมอย่างต่อเนื่อง และหากราคาน้ำมันต่ำกว่า US$70/bbl สหรัฐฯ มีโอกาสประกาศซื้อน้ำมันเข้าคลัง SPR เพิ่มเติม (ต้นเดือนธ.ค. ที่ราคาน้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ US$70/bbl สหรัฐฯ ประกาศเข้าซื้อน้ำมันดังกล่าวแล้วเพราะปริมาณสต็อกปัจจุบันอยู่ต่ำสุดรอบเกือบ 40 ปี) 3) อัตราการกลั่นฟื้นตัวสู่ระดับปกติที่ 110% หลังผ่านการปิดซ่อมบำรุงมาแล้ว

คงประมาณการปี 2566… แนะนำ “ซื้อ” รับการฟื้นตัว 1Q66

คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท -60% YoY จากฐานสูงผิดปกติ แต่ภาพรวมยังเป็นระดับกำไรที่น่าพอใจ เราคงราคาเหมาะสมที่ 66.00 บาท อ้างอิง PBV ที่ 0.9 เท่า ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยในอดีต 10 ปี -1.0 SD และคำแนะนำ “ซื้อ” เพราะ Valuation ไม่แพง ปัจจุบันซื้อขายบน PBV 0.8 เท่า (-1.75 SD) และแนวโน้ม 1066 ฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม เชิงกลยุทธ์แนะนำรอเข้าลงทุนเมื่อราคาหุ้นอ่อนตัว หรือหลังผ่านการรายงานผลประกอบการวันที่ 10 ก.พ. 2566 เพราะงบ 4Q65 ไม่เด่น, ประมาณการปี 2565 ของตลาดมี Downside, และเงินปันผลงวด 2H65 ไม่สูง คาด 0.75 บาท/หุ้น Yield 1.3%

- Advertisement -