Sideway แนะนำ Selective buy กลุ่ม China reopening

ตลาดหุ้นวานนี้… SET Index ปิดที่ 1,685.44 จุด เพิ่มขึ้น 4.40 จุด (+0.26%) มูลค่าการซื้อขาย 61,394.66 ล้านบาท แกว่งตัว sideway รอผลประกอบการกลุ่มธนาคาร

แนวโน้มตลาด วันนี้… ขานรับปัจจัยเชิงลบหลังก.พาณิชย์ สหรัฐฯ รายงานยอดค้าปลีก ธ.ค. ดิ่งลง 1.1% แย่กว่าที่ตลาดคาดจากผลกระทบจากยอดขายรถยนต์ที่ลดลง รวมทั้งการปรับตัวลงของราคาน้ำมันเบนซิน ขณะที่ ก. แรงงาน สหรัฐฯ รายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ธ.ค. เพิ่มขึ้น 6.2%YoY ต่ำกว่าที่ตลาดคาด 6.8%YoY สะท้อนภาพเฟดที่พยายามควบคุมเงินเฟ้อด้วยการใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินนั้น กำลังส่งผลให้เศรษฐกิจมีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย รวมถึงยังมีความเห็นของปธ.เฟด เซนต์หลุยส์และคลีฟแลนด์ ที่ออกมาเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่เฟดจะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับสูงกว่า 5% เพื่อฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมาย สอดคล้องกับความเห็นของฝ่ายที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งละ 0.25% 3 ครั้งต่อเนื่องมาที่ระดับ 5.00-5.25% และทรงตัวไปจนสิ้นปี 66 ขณะที่ US bond yield ที่ปรับลดลง เป็นบวกต่อกลุ่มกาเงิน แต่ Dollar index แข็งค่ามาจาก BoJ มีมติคงนโยบายการเงินแบบ YCC ส่วนปัจจัยในประเทศติดตามภาพนโยบายเศรษฐกิจของแต่ละพรรคการเมืองในช่วงก่อนการเลือกตั้ง รวมถึงมุมมองที่เป็นบวกจาก เจ.พี.มอร์แกน เครดิต สวิส และอเบอร์ดีน ต่อตลาดหุ้นไทย หนุน fund flow ไหลเข้า

กลยุทธ์การลงทุน … ประเมิน SET Index แกว่งตัว sideway แนะนำ Trading ในกรอบ 1672-1694 โดย Selective buy กลุ่ม

    • China reopening AOT AAV AMATA BAFS CPALL SNNP SPA EKH ANAN SISB
    • Anti- commodity SCGP BGRIM RATCH GULF TOA CBG

เคาะไป คุยไป… BDMS

  • แนะนำ “ซื้อ” BDMS ที่ราคาเป้าหมาย 36.00 บาท เนื่องจากมองว่าระดับคนไข้เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว การมี Excellent Center มากขึ้นจะช่วยเพิ่มกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพทั้งคนไทยและต่างชาติ ต้นทุนการจัดซื้อและค่าบุคลากรที่เพิ่มขึ้น ไม่กระทบมากนัก เนื่องจากยังสามารถปรับราคาได้
  • รายได้ 4Q65 เท่ากับ 2.23 หมื่นล้านบาท (-5.9%QoQ, +3.3%YoY) เนื่องจากผลของ seasonal ในช่วง Q3 ที่เป็น high season การเปิดประเทศ รวมถึงปัจจัยหนุนด้านวีซ่า Medical Treatment ระยะ 1 ปี สามารถดึงชาวต่างชาติที่มีศักยภาพ และมีกำลังใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลเข้าสู่ประเทศไทย โดยกลุ่มลูกค้าต่างชาติกลับมาใกล้เคียงปกติแล้วกว่า 90% ส่งผลให้เราประมาณกำไรสุทธิเท่ากับ 2.66 พันล้านบาท (-21.4%QoQ, +1.0%YoY)

Global Markets

(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวกได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน ขณะที่ความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีนได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มสินค้าหรูหรา

(-) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปรับตัวลงวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ ซึ่งบดบังปัจจัยบวกจากความหวังที่ว่าการเปิดประเทศของจีนจะช่วยกระตุ้นความต้องการใช้น้ำมัน

(-) สัญญาทองคำตลาด COMEX ถูกกดดันจากเจ้าหน้าที่เฟดสนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

ประเด็นเด่นวันนี้

  • สินทรัพย์ต่างๆ ขยับอย่างไร ระหว่างรอปัจจัยใหม่ ภาพรวมตลาดหุ้นไทยนับตั้งแต่ต้นสัปดาห์ค่อนข้างแกว่งตัวจำกัด แม้มีปัจจัยมหภาคที่น่าสนใจเข้ามา อย่างการประชุม BOJ แต่กลับไม่ได้สร้างความคึกคักให้ตลาดมาก หลังตัดสินใจยังคงนโยบายในเชิงผ่อนคลาย และเดินหน้าทำ Yield Curve Control เพื่อกดดัน Government Bond Yield อายุ 10 ปีลง ทำให้ค่าเงินเยนอ่อนค่าลง ผลักดันดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเปรียบเทียบในฐานะหนึ่งในสกุลเงินปลอดภัยด้านสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นยังคงขยับตัวตามปัจจัยเฉพาะของตน ขณะที่ภาพความกังวลเศรษฐกิจถดถอย ผลักดันราคาทองคำให้คงตัวในทิศทางขาขึ้นได้ต่อเนื่อง จึงอาจเป็นจังหวะรอซื้อเก็บหุ้นที่ปรับตัวลงในระยะสั้น แต่ยังมีแนวโน้มเตบโตดีในระยะยาว เช่น กลุ่มธนาคาร ซึ่งยังเติบโตได้ดีตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แม้ในระยะสั้นจะเผชิญแรงขายบางส่วน เพื่อทำกำไรหลังประกาศผลประกอบการ
- Advertisement -