ตลาดเริ่มกังวลกับเศรษฐกิจถดถอย

กรอบ SET INDEX 1675-1683

Market Outlook

เมื่อคืนสหรัฐฯเปิดเผยยอดค้าปลีกประจำเดือนธ.ค. หดตัวลง 1.1% MoM ไส้ในพบว่าสินค้าที่หดตัว ได้แก่ ชิ้นส่วนยานยนต์ (-1.2% MoM) เฟอร์นิเจอร์ (-2.5% MoM) เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์เกี่ยวข้องกับอิเล็กทรอนิกส์ (-1.1% MoM) สินค้าในศูนย์การค้า (-6.6% MoM) อย่างไรก็ตาม พบว่าอาหารและเครื่องดื่มทรงตัว ภาวะดังกล่าวกำลังสะท้อนถึงการอ่อนแรงของการบริโภคในสหรัฐฯ ซึ่งการบริโภคในสหรัฐฯ คิดเป็นกว่า 68.5% ของ GDP สหรัฐฯ ภายหลังจากรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอพบการเคลื่อนไหวของ US Bond Yield ปรับลงต่อเนื่อง สะท้อนว่าตลาด Bond ก็มีความกังวลกับเศรษฐกิจถดถอยเช่นกัน ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิตลดลง 0.5% MoM ดีกว่าตลาดคาดว่าจะลดลงเพียง 0.1% MoM อย่างไรก็ตาม ตลาดมิได้ให้น้ำหนักกับประเด็นนี้มากนัก ขณะที่ Bloomberg Consensus ปรับลดประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียน S&P500 ต่อเนื่อง เป็นอีกปัจจัยที่สะท้อนถึงการอ่อนแรงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยคืนนี้ติดตามยอดสร้างบ้านใหม่ในสหรัฐฯและใบขออนุญาตก่อสร้าง Bloomberg คาดที่ 1.36 ล้านหลังคาเรือนและ 1.37 ล้านใบอนุญาต หากต่ำกว่าประเมินแล้วตลาดยังปรับลงต่อ จะยิ่งบ่งชี้ว่าตลาดเริ่มกังวลกับเศรษฐกิจถดถอยยิ่งขึ้น ด้านตลาดหุ้นญี่ปุ่น (Nikkei) เช้านี้แกว่งลบ 0.8% เมื่อประกอบกับราคาน้ำมันที่ปรับลงก็เชื่อว่าจะสร้างแรงกดดันให้ SET INDEX ปรับลงในวันนี้ประเมินกรอบ 1675–1683 ปัจจัยในประเทศยังเน้นที่การประกาศผลประกอบการ 4Q22 เชื่อว่ากลุ่มธนาคารจะทยอยประกาศออกมาหลังจากนี้ และตามมาด้วยกลุ่ม Domestic หากกำไรประกาศมาเป็นไปตามตลาดประเมินไว้ เชื่อว่าจะเผชิญกับแรง Sell On Fact มากกว่า

เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังไม่เพิ่มพอร์ต ตลาดเริ่มสอดคล้องกับที่เราประเมินไว้ โดยยังเน้นเพียงแค่ Trading ระยะสั้นสำหรับรับความเสี่ยงสูง แนะนำ โรงภาพยนตร์ (MAJOR) กลุ่มสื่อสาร (ADVANC, INTUCH) กลุ่มโรงไฟฟ้า (BGRIM, GPSC, GULF, RATCH) กลุ่มค้าปลีก (BJC, HMPRO) สินเชื่อจำนำทะเบียน (MTC) ผลบวกเชิงจิตวิทยาดอกเบี้ยใกล้จุดสูงสุด

หุ้นแนะนําชื้อวันนี้

MAJOR ราคาพื้นฐาน 21.40 บาท

ปี 2023 คาดว่าตารางภาพยนตร์จะน่าตื่นเต้นมากกว่า ปี 2022 และ 2021 เพราะเป็นภาพยนตร์ทำเงินภาคต่อเป็น ส่วนมากที่มักดึงดูดผู้ชมได้เป็นอย่างดี ก็เชื่อว่าจะหนุนให้ผลประกอบการปีนี้สดใส เบื้องต้นประเมินกำไรปี 2023 ที่ 835 ล้านบาท (+84% YoY)

RATCH ราคาพื้นฐาน 55.00 บาท

มองบวกต่อภาพรวมปี 2023 หนุนจากการใช้เงินที่ได้จากการเพิ่มทุน (แล้วเสร็จในไตรมาส 2/22) ไปกับการลงทุน ในโครงการ NEJV (1,500MW และดำเนินงานอยู่ 450M) และโรงไฟฟ้าถ่านหิน Paiton ขนาด 930MWe ในอินโดนีเซีย ที่จะกระตุ้นให้กำลังการผลิตในการดำเนินงานของ RATCH เพิ่มขึ้น 16% จากปัจจุบันที่ 9.2MWe ซึ่งคาดว่าจะชดเชย Dilution ที่มีต่อ EPS ได้ทั้งหมด

Pi Technical Daily 

- Advertisement -