Daily Focus: Selective and Earnings Play
2023SET Target: 1760
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ตามคาด ปิดบวก +4.40 จุด แต่นำโดยหุ้นขนาดใหญ่ค่อนข้างกระจุกตัว ได้แก่ AOT DELTA BDMS PTTEP ภาพรวมตลาดยังขาดปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้น สถาบันในประเทศยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นหนาแน่นอีก 2.4 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 16 อีก 1.5 พันลบ. (และ Long Index Futures อีกบางๆ 2.1 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่ง Sideways ในกรอบ 1,675-1,690 จุด ยังมี Upside จํากัดระยะสั้น รวมถึงมีแรงกดดันจากการปรับลงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ หลังตัวเลขยอดค้าปลีกเดือน ธ.ค. -1.1% m-m และผลผลิตภาคอุตสาหกรรม -0.7% m-m ซึ่งต่ำกว่าตลาดคาด และติดลบเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน สะท้อนความเสี่ยงที่จะเกิด Recession มากขึ้น เม็ดเงินไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงเข้าถือพันธบัตรอย่างชัดเจน สะท้อนผ่าน Bond Yield ที่ปรับตัวลง ภาพรวมสอดคล้องกับที่เราประเมินว่าตลาดจะเริ่มเปลี่ยนโฟกัสจากเงินเฟ้อไปที่การเติบโตของเศรษฐกิจมากขึ้นอย่างต่อเนื่องจากนี้เป็นต้นไป ด้านปัจจัยในประเทศตลาดยังคงรอดูผลประกอบการ 4Q22 ของกลุ่มธนาคารปลายสัปดาห์นี้ว่าจะออกมาใกล้เคียงคาดที่ -3% q-q, +20% y-y หรือไม่ ซึ่งจะมีผลต่อความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มกำไรฝั่ง Real Sector ที่จะเริ่มทยอย Preview และประกาศกําไรตามออกมาหนาแน่นในเดือน ก.พ. ระยะสั้นหุ่น Big Cap คาดแกว่งทรงตัวลดความร้อนแรงจากช่วงก่อนหน้า ขณะที่หุ้นขนาดกลาง-เล็กที่มีแนวโน้มกำไรเด่นจะเคลื่อนไหวได้ดีกว่าตลาด
กลยุทธ์ : ระยะสั้นเก็งกำไรหุ้น Laggard และงบ 4Q22 แข็งแกร่ง / ระยะกลาง-ยาวสะสม Domestic และ Reopening Play ช่วงพักตัว
หุ้นเด่นเดือน ม.ค. : AAV, BCP, CENTEL, M, MAKRO
หุ้นเด่นวันนี้ : M
- แนะนํา “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 66 บาท
- ราคาหุ้นที่พักตัวลงจาก High เกือบ 10% เราเชื่อว่าสะท้อนแนวโน้มกำไร 4Q22 ที่อาจต่ำกว่าที่เคยคาดไปแล้ว ขณะที่ปัจจัยกดดันเกิดจากการบันทึกโบนัสพนักงานซึ่งเรามองว่าเป็นปัจจัยชั่วคราว
- แนวโน้มการฟื้นตัวปี 2023 คาดว่ายังแข็งแรงคาดก่าไร +47% Y-Y กลับมาเข้าใกล้ช่วงก่อน COVID-19 ตามการ Reopening เต็มปี การเปิดประเทศของจีนจะเป็นบวกต่อแหลมเจริญระยะถัดไป
- แนวรับ 56-55 บาท แนวต้าน 58//60 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลเข้าภูมิภาคต่อเนื่องอีก US$529 ล้าน ภาพรวมยังคล้ายวันก่อนหน้า เม็ดเงินไหลเข้ากระจุกตัวที่ไต้หวัน US$383 ล้าน ส่วนอาเซียนไหลเข้าเกือบทั้งหมดประเทศละ US$10-46 ล้าน นำโดยไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มีเพียงอินโดนีเซียที่ไหลออกบางๆ แนวโน้มของกระแสเงินทุนวันนี้คาดชะลอการไหลเข้าหลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงแรง กังวลความเสี่ยง Recession หลังตัวเลขเศรษฐกิจออกมาหดตัวและต่ำกว่าคาด
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) BBIK เรามีมุมมองเชิงบวกต่อดีลซื้อกิจการทั้ง Innoviz ซึ่งเป็นผู้นำในตลาด ERP Development และ VDD ที่เชี่ยวชาญด้าน Digital Delivery ระบบ IT และพัฒนา Software Application เราประเมินว่าทั้ง 2 บริษัทจะช่วยหนุนกำไร BBIK ให้เพิ่มขึ้น 29% ในปี 2023 และช่วยหนุนให้ BBIK สามารถรับงานใหญ่ขึ้นและมีบริการที่ครบวงจรมากขึ้น เรารวมดีลดังกล่าวเข้าไว้ในประมาณการโดยคาดกำไรปี 2023-2024 +130% y-y ส่วน Dilution จากการ PP คาดไม่เกิน 10% ประเมินราคาเป้าหมายใหม่ 155 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(+) NSL คาดกำไร 4Q22 +2% q-q, +69% y-y จากรายได้ที่คาดว่าจะทำจุดสูงสุดใหม่จาก High Season ขณะที่ฝั่งต้นทุนควบคุมได้ประสิทธิภาพแม้ราคาเนื้อสัตว์และค่าแรงจะปรับขึ้น คาด Gross Margin ยังทรงตั้งสูงใกล้เคียง 3Q22 ส่งผลให้กำไรปี 2022 คาด +54% y-y แนวโน้มปี 2023 คาดยังโตแกร่งตาม Traffic และการขยายสาขาของ 7-11 เราคาดกำไร +17% y-y และมี Upside จากข้าวแท่งหากประสบความสำเร็จ ประเมินราคาเป้าหมาย 26 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(0) TACC คาดกำไร 4Q22 -18% g-q, -13% y-y แม้รายได้จะฟื้นตัวตามการ Reopening แต่ถูกกดดันจากต้นทุนที่สูงขึ้น โดยเฉพาะนมผงที่นำเข้าจากฝรั่งเศส ทำให้ Gross Margin ปรับตัวลดลง เราคาดกำไรปี 2022 +14% y-y การฟื้นตัวคาดว่าจะชัดเจนใน 2Q23 จากรายได้ที่คาดเติบโตและแรงกดดันด้านต้นทุนที่เริ่มผ่อนคลาย เราคาดกำไรปี 2023 +11% Y-Y ระยะสั้นขาด Catalyst แต่คาดผลการดำเนินงานกำลังผ่านจุดต่ำสุด ประเมินราคาเป้าหมาย 10 บาท ราคาหุ้นเทรด PER 15 เท่าต่ำสุดในกลุ่มเครื่องดื่ม จึงยังแนะนำ “ซื้อ”
(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 613.89 จุด หรือ -1.81% ปิดที่ 33,296.96 จุด จากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐทำให้นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย
(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก ได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน
(-) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดลบ ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ
(0) ค่าเงินบาท แกว่งตัวแคบ อยู่ที่บริเวณ 33.02 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 70 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 79.48 ดอลลาร์/ บาร์เรล จากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ ในขณะที่เช้านี้ปรับลงต่อที่ระดับ 78.90 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.73%
(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 2.9 ดอลลาร์ หรือ 0.15% ปิดที่ระดับ 1,907 ดอลลาร์/ออนซ์ จากเจ้าหน้าที่ FED 2 ท่าน (บูลลาร์ด และฮาร์เกอร์) แสดงความเห็นว่า FED จะต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไป เพื่อให้เงินเฟ้อกลับสู่กรอบเป้าหมาย ในขณะที่เช้านี้รีบาวน์ขึ้นที่ระดับ 1,908.2 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ +0.06%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 910.98 / +1.74