บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action BUY (Maintain)
TP upside (downside) +18.5%
Close Jan 18, 2023 Price (THB) 3.84
12M Target (THB) 4.55
Previous Target (THB) 4.55
What’s new?
- คาดกำไร 4Q65 โตโดดเด่น +661.3% QoQ จากธุรกิจนิคมที่เร่งโอนที่ดิน ธุรกิจไฟฟ้าที่ได้ค่า Ft สูงขึ้นมาช่วยหนุนต้นทุน และการขายสินทรัพย์เข้ากอง REITs ขณะที่ YoY ชะลอจากฐานสูง เนื่องจากสินทรัพย์ที่ขายเข้ากองไม่ใช่ของบริษัท 100%
- ภาพรวมปี 2565 และปี 2566 เราคาดกำไรปกติเติบโต +27.7% YoY และ +14% YoY จากปัญหาสงครามการค้าจีน-สหรัฐ มาตรการสนับสนุนการลงทุน (BOI) และพื้นที่ EEC มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
Our view
- เราประเมินมูลค่าพื้นฐาน ณ สิ้นปี 2566 ที่ 4.55 บาท อิง PER ที่ 17.2X คงคำแนะนํา ซื้อ
- เรามองว่าผลประกอบการ 4Q65 จะเติบโตโดดเด่น จากที่ดินลอดใหญ่ที่มีโอกาสโอนทันบางส่วนภายในปีนี้ และเติบโตต่อในปี 2566 รวมถึงมีปัจจัยบวกจากภาคการผลิตโดยรวมที่ฟื้นตัว มาตรการการส่งเสริมการลงทุน และการย้ายฐานการผลิตออกจากจีนเพิ่มมากขึ้น
WHA CORPORATION (WHA) คาด 4Q65 ยอดโอนที่ดิน New High…ปี 2566 ยังสดใส
ยอดโอนที่ดิน 4Q65 ทำ New High
เราประเมินกำไรปกติใน 4Q65 ที่ 1,968 ลบ. (+661.3% QoQ, -2.3% YoY) คาดเติบโตโดดเด่น QoQ จาก 1) ธุรกิจนิคมฯ ยอดโอนที่ดินทำสถิติสูงสุด โดยมีการโอนที่ดินลอตใหญ่สำเร็จ 2) ขายสินทรัพย์เข้ากอง REITs ช่วงปลายปี มูลค่าราว 2.7 พัน ลบ. และ 3) ธุรกิจไฟฟ้าที่ลงทุนในบริษัทร่วมได้รับแรงกดดันลดลง จากต้นทุนเชื้อเพลิงปรับตัวลดลง และมีการปรับค่า Ft ขึ้น ขณะที่เทียบ YoY เราคาดผลประกอบการจะชะลอตัว โดยรายได้ขายสินทรัพย์เข้ากอง REITs ในปีนี้มีมูลค่าลดลงลงราว 49.7% YoY เนื่องจากไม่ใช่สินทรัพย์ของบริษัท 100% อย่างปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยบวกจากยอดโอนที่ดินที่สูงขึ้นก้าวกระโดดมาช่วยหนุน ซึ่งหากไม่รวมรายได้ขายสินทรัพย์เข้ากอง REITs ธุรกิจหลักจะเติบโตจากยอดโอนที่ดินที่ทุบสถิติสูงสุด ในส่วนของประสิทธิภาพการทำกำไร เราคาดอัตรากำไรขั้นต้นจะปรับลดลงมาอยู่ที่ 37.4% จาก 44.0% ใน 3Q65 และ 45.3% ใน 4Q64 เนื่องจากมีการโอนที่ดินลอตใหญ่ ส่งผลให้อัตรากำไรต่ำกว่าปกติในช่วง 4Q65
ปี 2566 เติบโตดีต่อเนื่อง เด่นตั้งแต่ 1Q66
เราคาดปี 2566 จะเติบโตโดดเด่นจากธุรกิจนิคมฯ ที่จะได้ประโยชน์จากการเคลื่อนย้ายการลงทุน ซึ่งปัจจุบันกำลังมีการเจรจากับลูกค้ารายใหญ่อีกหลายราย โดยจะเด่นตั้งแต่ใน 1Q66 ที่บริษัทใกล้จะปิดดีลเซ็นสัญญาที่ดินลอตใหญ่ราว 300-400 ไร่ เราคาดผลประกอบการปี 2566 จะเติบโต + 14.4% YoY เป็น 3,961 ล้านบาท ส่วนปัจจัยหนุนเพิ่มเติม ได้แก่ 1) การย้ายฐานการลงทุนจากจีนมาไทยและเวียดนาม 2) มาตรการสนับสนุนการลงทุนของรัฐบาล (BOI) เช่น สิทธิประโยชน์ด้านภาษี 3) ภาครัฐพัฒนาพื้นที่ EEC อย่างต่อเนื่อง ทั้งพื้นที่รอบข้าง และระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานในพื้นที่ อีกทั้งการเข้ามาตั้งฐานการผลิตของค่ายรถ EV เรามองว่าจะช่วยดึงดูดผู้ผลิตชิ้นส่วนประกอบต่างๆ ในกลุ่ม รวมถึงค่ายรถแบรนด์อื่นให้เข้ามาลงทุนเพิ่มในอนาคตได้
ปลายทาง คือ Net Zero Emissions
WHA มีการดำเนินงานที่มีแนวคิด ESG เตรียมพร้อมที่จะบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2593 ซึ่งกลุ่มประเทศคู่ค้าทางภาคอุตสาหกรรมอย่างยุโรป และสหรัฐฯ จะเริ่มมีการเก็บภาษีคาร์บอน จากสินค้านำเข้าในปี 2566 และ 2569 ตามลำดับ ทำให้ในปัจจุบันลูกค้าภาคอุตสาหกรรมของบริษัทฯ เริ่มลดการปล่อยคาร์บอน และหันมาใช้พลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ทาง BOI มีการเห็นชอบแผนส่งเสริมการลงทุนใหม่ ได้แก่ กิจการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง (FCEV) หรือยานยนต์พลังงาน ไฮโดรเจน กิจการสถานีบริการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ และกิจการผลิตไฮโดรเจนจากน้ำโดยใช้พลังงานหมุนเวียน เป็นต้น โดยมาตรการใหม่นี้จะมีการยกเว้นภาษีเงินได้สูงสุด 10-13 ปี เรามองว่าการที่ภาครัฐเข้ามาสนับสนุนยานยนต์ FCEV หรือยานยนต์ไฮโดรเจนจะส่งผลให้ต้นทุนลดลง ทำให้ราคาเมื่อเทียบกับรถ EV จะไม่ต่างกันมาก หนุนให้มีการใช้งานแพร่หลายมากขึ้น และเพิ่มโอกาสที่จะเห็นการลงทุนมีมากขึ้น
คงคําแนะนํา “ซื้อ”
เราประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 2566 ที่ 4.55 บาท โดยอิง PER ที่ 17.2% เรามองว่าผลประกอบการ 4Q65 จะ เติบโตโดดเด่นจากที่ดินลอดใหญ่ที่มีโอกาสโอนทันบางส่วนภายในปีนี้ และโอนต่อเนื่องในปี 2566 รวมถึงมีปัจจัยบวกจากภาคการผลิตโดยรวมที่ฟื้นตัว และการย้ายฐานการผลิตออกจากจีนเพิ่มมากขึ้น
ความเสี่ยงสำคัญ: 1) ความต่อเนื่องของนโยบายที่สนับสนุนโดยภาครัฐ 2) ค่าครองชีพ-ค่าแรงที่ปรับสูงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของนักลงทุน