บล.เอเซีย พลัส:
คาดกําไรโต 49%YOY แต่เกิดจากรายการพิเศษ
ฝ่ายวิจัยประเมินกําไรงวด 4Q65 ที่ 137 ล้านบาท (+49% YoY) โดยมีสาเหตุจากการทํา product mix และการตลาดเชิงรุก, ธุรกิจอิฐมวลเบาพลิกกลับมามีกําไร, มีรายการพิเศษจากเครดิตภาษีเงินคืนที่ได้จากการลงทุนเครื่องจักร NT-11 และการกลับรายการด้อยค่าเงินลงทุนในบริษัทย่อย ฝ่ายวิจัยคาดว่าปี 2566 DRT จะยังมีการเติบโตของยอดขายที่ไม่ต่ำกว่า 5% จากลูกค้ากลุ่ม Export ที่จะกลับมาหลังจากที่ข้อจํากัด ด้านการเดินทางลดลง อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยประเมินว่า gross margin จะทําได้เพียง 25% ลดลงเนื่องจากเผชิญแรงกดดันด้านต้นทุนวัตถุดิบและพลังงานที่ปรับเพิ่ม
แม้ DRT ทํากําไรได้เหนือความคาดหมาย แต่เกิดจากรายการพิเศษ ในขณะที่ปี 2566 คาดว่ากําไรจะลดลงจาก gross margin ที่ถูกกดดันจากต้นทุนวัตถุดิบและพลังงานที่ปรับเพิ่ม ประเมิน FV โดยใช้ DDM ให้ราคาเหมาะสม 8.40 บาท ไม่เหลือ upside แนะนํา switch โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมในการ switch คือหลังจากประกาศงบ 4Q65
ที่มา: สายงานวิจัย บล. เอเซีย พลัส
คาดกําไรโต 49%YOY แต่เกิดจากรายการพิเศษและเครดิตภาษีเงินคืน
ฝ่ายวิจัยประเมินกำไรงวด 4Q65 ที่ 137 ล้านบาท เติบโต 49%YoY โดยประเมินรายได้ที่ 1,227 ล้านบาท เติบโต 10% YoY เกินเป้าที่บริษัทตั้งไว้มาก แม้เผชิญสภาวะแรงกดดันหลากหลายปัจจัย โดย DRT มีนโยบายการทำ product mix และการตลาดเชิงรุก โดยเน้นสินค้ากระเบื้องเรียบ Adamas ซึ่งมี gross margin สูงถึง 40% เป็นสินค้าชูโรง นอกจากนี้ ธุรกิจอิฐมวลเบาที่เคยสร้างภาระขาดทุนในอดีต สามารถพลิกกลับมามีกำไร จากการปรับราคาสินค้าในส่วนของช่องทางการขายยังคงเติบโตเกือบทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มลูกค้าโครงการที่มีอัตราการเติบโตสูงกว่า 20%YoY, กลุ่ม Modern Trade และ Agent มีอัตราการเติบโตราว 5-7% ในขณะที่ลูกค้ากลุ่ม Export ยังชะลอตัวเล็กน้อยจากข้อจำกัดด้านการเดินทาง ถึงแม้ยอดขายจะมีอัตราการเติบโตสูงถึง 10%YoY แต่ด้วยแรงกดดันจากต้นทุนวัตถุดิบและพลังงานที่ปรับเพิ่มในช่วง 2H65 ส่งผลให้ gross margin งวด 4Q65 ทำได้เพียง 23.8% หลุดกรอบของบริษัทที่ตั้งเป้าไว้ที่ 27-29% อย่างไรก็ตาม มีเครดิตภาษีเงินคืนที่ได้จากการลงทุนเครื่องจักร NT-11 ราว 20 ล้านบาท บวกกับรายการพิเศษจากการกลับรายการด้อยค่าเงินลงทุนบริษัทย่อยราว 30 ล้านบาท ส่งผลให้กำไร 4Q65 ยังเติบโตได้เมื่อเทียบกับปีก่อนและทำให้กำไรปี 2565 ทำสถิติ new high อยู่ที่ 646 ล้านบาท
ปี 2566 มีบททดสอบด้าน GROSS MARGIN
ปี 2566 DRT ยังคงตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายไว้ที่ 5% เหมือนปีก่อน ฝ่ายวิจัยคาดว่าจะสามารถทำได้ถึงเป้าหมาย โดยลูกค้ากลุ่ม Export ที่เคยชะลอตัวไปจากข้อจำกัดของการเดินทางระหว่างประเทศ จะสามารถพลิกกลับมาเติบโตได้เนื่องจากสถานการณ์โควิดผ่อนคลายลงอย่างชัดเจน ส่งผลให้ข้อจำกัดด้านการเดินทางระหว่างประเทศลดลง ด้านลูกค้ากลุ่มโครงการคาดว่ายังคงเติบโตได้ต่อเนื่องจากโครงการในส่วนภูมิภาคที่ขายได้มากขึ้น อย่างไรก็ตามด้วยฐานที่สูง อาจส่งผลให้อัตราการเติบโตอยู่ที่ระดับไม่เกิน10% ด้าน gross margin ปี 2566 ฝ่ายวิจัยประเมินบนสมมติฐานอนุรักษ์นิยมที่ 25% จากต้นทุนวัตถุดิบและพลังงานที่ปรับเพิ่ม อย่างไรก็ตาม DRT มีการปรับราคาสินค้าบางกลุ่มเพิ่มขึ้นเพื่อชดเชยตามต้นทุนที่เพิ่ม ประกอบกับการปรับปรุงและลดต้นทุนดำเนินการต่างๆ และยังได้อานิสงส์ที่ได้จากเงินบาทที่แข็งค่า หาก DRT สามารถทำได้ดีกว่าที่ประเมินไว้เบื้องต้น ฝ่ายวิจัยพร้อมพิจารณาปรับประมาณการเพิ่มในอนาคต
ปรับลดค่าแนะนํา โดย SWICH หลังประกาศงบ 4Q65
แม้ DRT สามารถทำผลประกอบการได้เหนือความคาดหมายมาก แต่กำไรปี 2565 ที่เป็น new high เกิดจากรายการพิเศษ ในขณะที่ outlook ปี 2566 คาดว่ากำไรจะลดลงจาก gross margin ที่ถูกกดดันจากต้นทุนวัตถุดิบและพลังงานที่ปรับเพิ่ม อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่ผลประกอบการ 4Q65 คาดว่าจะออกมาดีมาก ปัจจัยดังกล่าวอาจสร้าง sentiment เชิงบวกต่อราคาหุ้นในระยะสั้น ฝ่ายวิจัยจึงแนะนำ switch ช่วงหลังจากที่ประกาศงบ 4Q65 ประเมิน Fair Value ปี 2566 โดยใช้วิธี DDM ให้ราคาเหมาะสม 8.40 บาท ไม่เหลือ upside
การดำเนินงานด้าน ESG ของ DRT
มิติด้านสิ่งแวดล้อม : มีการจัดการน้ำเพื่อไม่ให้กระทบชุมชน โดยใช้อย่างคุ้มค่า มีการบำบัดแล้วนำมาใช้ซ้ำ ประกอบกับมีการจัดการของเสียโดยใช้แนวคิด Circular Economy และกลยุทธ์ 3R เพื่อลดใช้ซ้ำ และนำกลับมาใช้ใช้ใหม่ เพื่อลดต้นทุน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
มิติด้านสังคม : พัฒนาด้านอาชีวอนามันและความปลอดภัย ประกอบกับมีจัดการอบรมให้กับพนักงานโดยสร้างองค์ความรู้ให้กับพนักงานบริษัทตลอดเวลา
มิติด้านธรรมภิบาล ตระหนักถึงการกำกับดูแลกิจการโดยมีจรรยาบรรณในการ : ดำเนินธุรกิจด้านต่างๆ เช่น การเคารพสิทธิมนุษยชน การต่อต้านคอร์รับชั่น
ประเด็นความเสี่ยง
1. หากต้นทุนวัสดุต่างๆ เช่น ปูนซีเมนต์ ต้นทุนพลังงาน เยื่อกระดาษ ปรับเพิ่มมากกว่าราคาขายที่ DRT สามารถปรับเพิ่มได้ จะกดดันให้อัตรากําไรขั้นต้นต่ำกว่าเป้าที่ต้ังไว้ที่ 27-29%
2. ความเสี่ยงจากการออกมาตรการควบคุมการใช้แร่ใยหินของภาครัฐ ซึ่งอาจกระทบต่อยอดขายสินค้าในกลุ่มกระเบื้องหลังคาของ DRT ที่ปัจจุบันมีสัดส่วนสินค้าที่มีใยหินประมาณ 30% ของยอดขายทั้งหมด
ท่ีมา: สายงานวิจัย บล. เอเซีย พลัส