Daily Focus: Defensive and Earnings Play

2023SET Target: 1760

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ต่อเนื่องตามคาด โดยมี Sentiment ลบ กดดันจากฝั่งสหรัฐฯที่ปรับลงแรง อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยยังแกว่งตัวได้แข็งแรงกว่าและปิดบวกได้เล็กน้อย +3.04 จุด สถาบันในประเทศยังคงขายสุทธิในตลาดอีกบางๆ 299 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 17 อีก 1.7 พันลบ. (แต่พลิกมา Short Index Futures 5.2 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่ง Sideways to Sideways Down ในกรอบ 1,680-1,695 จุด ถ่วงโดยกลุ่มธนาคารหลัง KBANK และ BBL ประกาศกำไร 4Q22 ออกมาต่ำกว่าคาด ซึ่งอาจสร้างความกังวลต่อธนาคารที่เหลือ และกำลังจะประกาศกำไรวันนี้ ขณะกลุ่มน้ำมันต้น-กลางน้ำอาจช่วยพยุงได้บ้าง หลังราคาน้ำมันขยับขึ้นจากความคาดหวังว่า Demand จะดีขึ้นจากจีนเปิดประเทศ อย่างไรก็ตาม เราประเมิน Upside ของดัชนียังจำกัดในระยะสั้นจากความกังวลเรื่อง Recession ในฝั่งสหรัฐฯ และยุโรปที่ยังมีความเสี่ยงเกิดขึ้น สะท้อนผ่านตัวเลข เศรษฐกิจในระยะหลังที่เริ่มพลิกมาหดตัว ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันกลุ่ม Global Play และหุ้นส่งออกของไทย แต่กลุ่ม Domestic Play คาดว่ายังแข็งแรงตามการทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และกระทบจากปัจจัยภายนอก โฟกัสของตลาดในช่วงนี้จะอยู่ที่การประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน 4Q22 โดยเฉพาะฝั่ง Real Sector ในเดือนหน้า จึงเน้นเลือกหุ้นที่คาดจะประกาศกำไรแข็งแรง และธุรกิจมีความ Defensive

กลยุทธ์ : ระยะสั้นเก็งกำไรหุ้น Defensive และงบ 4Q22 แข็งแกร่ง // ระยะกลาง-ยาวสะสม Domestic และ Reopening Play ช่วงพักตัว

หุ้นเด่นเดือน ม.ค. : AAV, BCP, CENTEL, M, MAKRO

หุ้นเด่นวันนี้ : CPN

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 82 บาท
  • คาดกำไร 4Q22 -1% q-q, +57% y-y หนุนจากการ Reopening ทำให้ Traffic เข้าห้างกลับมาสู่ภาวะปกติ และส่วนลดค่าเช่าที่ทยอยลดลง แต่คาดมีค่าใช้จ่าย SG&A สูงขึ้นและกดดันการเติบโตเล็กน้อยและชั่วคราว จบปี 2022 คาดกำไร +51% y-y
  • เรามอง CPN เป็นมากกว่าหุ้น Reopening Play จากแผนการลงทุน 5 ปี 1.2 แสนลบ.ทั้งการขยายสาขา รวมถึงธุรกิจโรงแรมและ Mix-Used หนุนการเติบโตระยะยาว ส่วนค่าไฟที่ปรับขึ้น คาดไม่ส่งผลกระทบเนื่องจากเป็นภาระของผู้เช่า
  • แนวรับ 68-67.50 บาท แนวต้าน 70.50//72.50 บาท

Fund Flow : กระแสเงินทุนวานนี้บางลง หลังเนื่องจากไต้หวันปิดทำการเป็นวันที่ 2 เนื่องในเทศกาลตรุษจีน ส่วนไทยยังอยู่ในทิศทางไหลเข้า อย่างไรก็ตาม แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่ายังเบาบางต่อเนื่อง เนื่องจากหลายตลาดจะปิดทำการหลายวันในสัปดาห์หน้าจากเทศกาลตรุษจีน รวมถึงมีโอกาสพลิกมาไหลออกระยะสั้น หลัง Sentiment ยังค่อนข้างเป็นลบจากฝั่งสหรัฐฯ และยุโรป กังวลเศรษฐกิจเสี่ยง Recession

ประเด็นสําคัญวันนี้

(-) KBANK กำไร 4Q22 -70% q-q, -68% y-y ต่ำกว่า consensus คาด 64% เพราะสำรอง ECL ที่สูงขึ้นถึง +129% q-q, +138% y-y เพื่อรองรับความเสียงของเศรษฐกิจโลกที่อาจกระทบไทย โดยเฉพาะภาคส่งออก  ซึ่งเห็นชัดตั้งแต่ 4Q22 ในส่วนของรายได้ยังเติบโตดีทั้งรายได้ดอกเบี้ย และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย ยกเว้นรายได้ที่เกี่ยวกับตลาดทุน ภาพทั้งปี 2022 มีกําไรสุทธิ -6% Y-Y แต่กำไรที่ไม่รวมสำรองและภาษีจ่าย +7% y-y จากรายได้ที่โตดี NIM รักษาระดับเท่ากับไตรมาสก่อน 3.33% NPL ratio ลดลงเป็น 3.19%

(-) BBL กำไร 4Q22 -1% q-q จากรายจ่ายที่สูงขึ้นตามฤดูกาล, +20% y-y ต่ำกว่า consensus คาด 13% จากผลขาดทุนจากการวัดมูลค่ายุติธรรมของเครื่องมือทางการเงินตามภาวะตลาด สิ่งที่ทำได้ดีขึ้นต่อเนื่องคือ NIM ที่เพิ่มขึ้นถึง 35bps เป็น 2.84% สะท้อนว่า BBL เป็นธนาคารแรกๆ ที่ได้ประโยชน์จากการปรับขึ้นของดอกเบี้ยในตลาด ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมยังลดลงต่อ จากธุรกิจหลักทรัพย์และกองทุนรวม ส่วนภาพปี 2022 กำไร +11% y-y จาก NIM ที่กว้างขึ้นเป็น 2.42% จาก 2.10% ในปี 2021 และสำรองลดลง 4% ส่วนสินเชื่อ +3.6% สะท้อนความต้องการสินเชื่อของธุรกิจขนาดใหญ่

(+) STANLY ผู้ผลิตโคมไฟรถยนต์หลายใหญ่ของไทย เราคาดกำไร 3QFY23 (ต.ค.-ธ.ค. 22) เติบโตแข็งแกร่ง -6% q-q, +15% y-y หนุนจากรายได้ที่เติบโตจาก Pent-Up Demand หลังปัญหาขาดแคลน Semi-Conductor เริ่มคลี่คลาย ขณะที่ Margin คาดปรับตัวดีขึ้นจาก Economy of Scale และต้นทุนที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันปรับตัวลดลง เราประเมินทิศทางกำไรในปี 2023 ยังแข็งแรงต่อเนื่อง ตามภาพอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศที่ฟื้นตัว เราคาดกำไร FY23 (สิ้นสุด มี.ค. 23) +13% y-y และโตต่อเนื่องใน FY24 สิ้นสุด (มี.ค. 24) +21% y-y และมี Net Margin อยู่ในระดับสูงเทียบกับกลุ่มที่ราว 11-13% ประเมินราคาเป้าหมาย 240 บาท ราคาหุ้นยังไม่แพง เทรด FY24PBV เพียง 0.7 เท่า และให้ Dividend Yield ราว 5-6% ต่อปี แนะนำ “ซื้อ”

(-) TU คาดกำไร 4Q22 ไม่สดใส คาด -54% q-q, -40% y-y จาก Low Season บาทแข็งค่าเร็ว และคาดมี FX loss ราว -300 ลบ. ขณะที่ Red Lobster จะขาดทุนต่อราว -300 ลบ. ใกล้เคียง 3Q22 แต่ขาดทุนมากขึ้นจาก -147 ลบ.ใน 4Q21 จบปี 2022 คาดกำไรสุทธิ -12% y-y ส่วนกำไรปกติคาด -10% y-y แนวโน้มปี 2023 ยังท้าทายแม้ต้นทุนค่าขนส่งที่ปรับลง และราคาวัตถุดิบผ่านพีคแล้วทั้งทูน่าและแซลมอน แต่มีความเสี่ยงจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าและความกังวงต่อภาวะ Recession ในยุโรปและสหรัฐ เราทบทวนประมาณการกำไรปกติปี 2023 เป็น +4% ประเมินราคาเป้าหมาย 24 บาท แนะนำ “ซื้อลงทุนระยะยาว” จาก Valuation ที่ไม่สูง และกำไรจะผ่านจุดต่ำสุดใน 4Q22

 

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 252.40 จุด หรือ -0.76% ปิดที่ 33,044.56 จุด จากตัวเลขแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ทำให้นักลงทุนกังวลว่า FED จะสามารถปรับขึ้นดอกเบี้ยได้ต่อไป

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ หลังบวกต่อเนื่องนาน 6 วัน ขณะที่นักลงทุนกังวลว่า ECB จะยังปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไป หลังประธาน ECB ระบุว่านักลงทุนประเมินต่ำเกินไปเกี่ยวกับความมุ่งมั่นของ ECB ที่จะลดเงินเฟ้อลงสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% จาก 9.2% ในเดือนธ.ค.

(0) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดผสม ขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อพื้นฐานญี่ปุ่นปรับสูงขึ้นสู่ 4% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่ปี 1981

(0) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 32.85 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 85 เซนต์ หรือ 1.07% ปิดที่ 80.33 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีรายงานว่า Demand จากจีนปรับตัวเพิ่มขึ้น ในขณะที่เช้านี้ปรับขึ้นต่อที่ระดับ 80.83 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.62%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 16.90 ดอลลาร์ หรือ 0.9% ปิดที่ 1,923.90 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการอ่อนค่าของดอลลาร์ ในขณะที่เช้านี้ปรับขึ้นต่อที่ระดับ 1,931.5 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ +0.40%

SPDR Gold Trust ถือครองทองค่า 912.42 / +1.44

- Advertisement -