บล.บัวหลวง: 

Technology – เราคิดว่าปัจจัยลบสะท้อนไปในราคาแล้ว (NEUTRAL)

ปีที่แล้วหุ้นซอฟต์แวร์ได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น และผลกระทบจากเศรษฐกิจมหภาคที่เกิดขึ้น จึงไม่น่าแปลกใจที่ ความเชื่อมั่นของนักลงทุนจะอ่อนแอ แต่ระดับราคาในปัจจุบันจะเป็น บรรทัดฐานใหม่ โดยมี PEG ที่ราว 1 เท่า ดังนั้นมูลค่าหุ้นเล็กในกลุ่ม เทคโนโลยีบางตัวจึงน่าสนใจ

ต้องรายงานกําไรที่เติบโตอย่างน้อย 40% จึงจะน่าสนใจ

แม้ว่าราคาหุ้นจะได้รับแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยตลอดปี 2565 เรายังคงมองกลุ่มซอฟต์แวร์เป็นกลุ่มที่น่าสนใจมากสำหรับนักลงทุน เนื่องจากเป็นหุ้นตั้งรับที่มีคุณภาพ และที่สําคัญ จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ในช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัว รายได้ประจำที่สูงและความสามารถในการทํากําไร (ทั้งอัตรากำไรขั้นต้นและกำไรจากการดำเนินงาน) ต้นทุนที่ต่ำและการสร้างกระแสเงินสดที่สูง (การหมุนเงินทุนที่ดี) เป็นหนึ่งในส่วนที่ทำให้กลุ่มนี้น่าสนใจ นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงที่จำกัดต่อห่วงโซ่อุปทานที่ท้าทาย อย่างไรก็ตาม มูลค่าหุ้นไม่น่าจะกลับไปเทรดระดับสูงมากเหมือนช่วงก่อนหน้า (PEG ที่ 1.5-2 เท่า และ PER ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยอยู่ 2 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) ในอนาคตอัน ใกล้ อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่า PEG ที่ 1 เท่า และ PER ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย 1 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานยังคงสมเหตุสมผลสําหรับหุ้นกลุ่มนี้จากการเติบโตของกําไรที่มากกว่า 40%

จาก PER ที่ 60-70 เท่า มาเหลือ 40-45 เท่าในปัจจุบัน

มูลค่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีส่วนใหญ่ปรับตัวลงจากพีคของ PER 12 เดือน ล่วงหน้าที่ 70 เท่า (สูงกว่าค่าเฉลี่ย 2 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) มาอยู่ในระดับปัจจุบันที่ 40 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 42 เท่า โดยมี 5 หุ้นที่ซื้อขาย ต่ำกว่า PER เฉลี่ย ได้แก่ SABUY (-37%) NETBAY (-34%) HUMAN (-19%) BE8 (-11%) และ IIG (-10%) ขณะที่ 2 หุ้นกำลังซื้อขายบนค่าเฉลี่ย ได้แก่ YGG และ DITTO ทั้งนี้ BBIK (+34%) และ BOL (+44%) ซื้อขายสูงกว่าค่าเฉลี่ย ทั้งนี้ 3 หุ้นที่ถูกที่สุด อิงจาก PER ได้แก่ SABUY (19 เท่า) NETBAY (24 เท่า) และ YGG (29 เท่า) ในด้านของ PEG SABUY (0.3 เท่า) BE8 (0.5 เท่า) HUMAN (0.5 เท่า) และ YGG (0.5 เท่า) ซื้อขายบนระดับ PEG ที่น่าสนใจ ทั้งนี้เราเชื่อว่า PER ที่สมเหตุสมผลโดยถูกปรับลดลงมาจาก 60-70 เท่าในช่วงต้นรอบมาอยู่ที่ 40-45 เท่าในปัจจุบัน

เราชอบหุ้นที่มีกำไรเติบโตมากกว่า 40%

ความกังวลเกี่ยวกับภาวะถดถอยทั่วโลก ส่งผลให้นักลงทุนหันกลับมาสนใจในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอีกครั้ง และหาผู้ที่มีการเติบโตดีที่สุด โดยหวังว่าบริษัทจะผ่านช่วงเศรษฐกิจอ่อนแอไปได้ด้วยดี อย่างไรก็ตาม เพื่อที่จะซื้อขายบนระดับ PER สูงที่ 40-45 เท่า หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจะต้องคงการเติบโตของกำไรสุทธิต่อหุ้นให้เกินกว่า 40% ในปี 2566 โดยผู้นำในปี 2566 (โตเกิน 40%) คาดจะเป็น BE8 (98%) BBIK (66%) HUMAN (62%) SABUY (60%) YGG (55%) และ NETBAY (42%) อย่างไรก็ตาม ตลาดน่าจะให้ความสําคัญกับกำไรในระยะสั้นด้วย ซึ่งเราคาด SABUY และ HUMAN จะรายงานกําไรไตรมาส 4/65 ที่เติบโตมากกว่า 40% (264% YoY สําหรับ SABUY และ 74% สําหรับ HUMAN) หุ้นกลุ่มนี้ส่วนมากมีงบดุลที่แข็งแกร่งโดยมีเงินสดที่เป็นบวกและมีอัตรากําไรสูง

- Advertisement -