บล.บัวหลวง:
Home Product Center (HMPRO TB /HMPRO.BK)
HMPRO – คาดกำไรไตรมาส 4/65 อ่อนตัว
HMPRO มีแนวโน้มจะรายงานกำไรลดลง YoY ในไตรมาส 4/65 เนื่องจากฐานที่สูงในไตรมาส 4/64 แต่เมื่อมองไปยังปี 2566 เราคาดว่าการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง เงินบาทที่แข็งค่า และอัตราค่าระวางเรือที่ลดลงจะหนุนให้กำไรปรับตัวสูงขึ้น
คาดกําไรไตรมาส 4/65 ปรับตัวลดลงจากฐานที่สูงในไตรมาส 4/64
เราคาดว่า HMPRO จะรายงานกำไรสุทธิในไตรมาส 4/65 ที่ 1,723 ล้านบาท ลดลง 3% YoY แต่เพิ่มขึ้น 12% QoQ จากการคาดการณ์การเติบโตของยอดขายสาขาเดิมที่ 1.5% และการเปิดร้านใหม่ 5 แห่งในปี 2565 (MEGAHOME 4 แห่ง และ Homepro 1 แห่ง) เราประมาณการณ์ยอดขายไตรมาส 4/65 ที่ 16,920 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% YoY และ 5% QoQ นอกจากนี้จากจํานวนลูกค้าที่เข้ามาร์เก็ตวิลเลจที่น่าจะยังคงฟื้นตัวต่อเนื่อง และงานโฮมโปรเอ็กซ์โปจะส่งผลให้รายได้ค่าเช่าไตรมาส 4/65 อยู่ที่ประมาณ 481 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% YoY และ 9% QoQ และสัดส่วนการขายสินค้าเฮาส์แบรนด์ที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้อัตรากําไรขั้นต้นอยู่ที่ 27.2% เพิ่มขึ้นจาก 27.1% ในไตรมาส 4/64 และ 26.8% ใน ไตรมาส 3/65 อย่างไรก็ตาม ค่าไฟต่อหน่วยและต้นทุนบุคลากรที่เพิ่มขึ้น จึงทำให้เราคาดว่าอัตรากำไรจากการดำเนินงานจะลดลงเหลือ 12.2% ในไตรมาส 4/65 จาก 12.8% ในไตรมาส 4/64 (แต่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย QoQ)
เงินบาทที่แข็งค่า และค่าระวางเรือที่ลดลงหนุนแนวโน้มกําไร
เช่นเดียวกับกลุ่มค้าปลีกก่อสร้าง (GLOBAL และ DOHOME) เรามองว่าค่าเงินบาทที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินหยวนจะหนุนอัตรากำไรของผลิตภัณฑ์แบรนด์ตนเองของ HMPRO (ที่ใน 9 เดือนแรกของปี 2565 ยอดขายผลิตภัณฑ์ เฮ้าส์แบรนด์คิดเป็นเกือบ 21% ของยอดขายทั้งหมด) โดยค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น 10% เมื่อเทียบกับเงินหยวนตั้งแต่เดือนก.ค. 2565 ในขณะที่ดัชนีค่าระวางเรือเซี่ยงไฮ้ลดลง 80% จากระดับสูงสุดในเดือนม.ค. 2565 โดยปกติสต็อกสินค้าของ HMPRO จะอยู่ที่ 80-100 วัน ดังนั้นเราจึงมองว่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น และค่าขนส่งที่ลดลงอย่างมากจะหนุนอัตรากำไรขั้นต้นให้ปรับตัวสูงขึ้น ตั้งแต่ไตรมาส 2/66 เป็นต้นไป ซึ่งกลบผลกระทบจากค่าไฟที่สูงขึ้น
การเติบโตของกำไรในปี 2566 อยู่ในระดับปานกลาง
อุปสงค์ที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและปัจจัยบวกอื่นๆ ส่งผลให้เรามองกำไรของ HMPRO เติบโต 13% YoY ในปี 2566 โดยเราคาดการณ์การเติบโตของยอดขายสาขาเดิมจะอยู่ที่ 3% (ต่ำกว่าการคาดการณ์การเติบโตของ GDP ประเทศไทยในปี 2566 เล็กน้อย) และร้านค้าอีก 5 แห่งจะเปิดในปี 2566 ซึ่งรวมถึง 5 แห่งที่เปิดในปี 2565 ทั้งหมดจะเพิ่มพื้นที่ขายสุทธิเกือบ 7% ดังนั้น เราจึงคาดว่า HMPRO จะรายงานยอดค้าปลีกเติบโต 7% ในปีนี้ และรายได้ค่าเช่าจะยังคงฟื้นตัวต่อเนื่อง (เราคาดว่ารายได้ค่าเช่าในปี 2566 จะคิดเป็น 83% ของระดับปี 2562)
มูลค่าหุ้นในปัจจุบันบ่งบองถึงความเสี่ยงขาลงที่จำกัด
ปัจจุบันหุ้น HMPRO ชื้อขายที่ PER ปี 2566 ที่ 27.6 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าช่วงโควิด-19 อย่างมาก และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 30 เท่า HMPRO มีแนวโน้มการเติบโตของกําไรที่ดีในปี 2566 และความสามารถในการจัดการมาร์จิ้นบ่งบอกถึงความเสี่ยงขาลงที่จํากัดต่อราคาหุ้น