บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง:
Minor International (MINT TB) รับอานิสงส์จากราคาก๊าซในยุโรปลดลง
คงคำแนะนำ “ซื้อ” เพิ่ม TP 17% เป็น 41 บาท
เราเชื่อว่า MINT จะได้รับอานิสงส์จากแนวโน้มราคาน้ำมันที่ลดลงในยุโรป เนื่องจากธุรกิจโรงแรมในยุโรปมีสัดส่วนถึง 60% ของรายได้โรงแรม ส่วนแนวโน้มปี 66 และ 67 เราลดคาดการณ์ค่าใช้จ่าย SG&A ต่อยอดขายรวมลง 0.6ppt และ 0.2ppt ตามลำดับ จากราคาก๊าซในยุโรปลดลงแรงเหลือ 54.60 ยูโร/MWh จากจุดสูงสุดที่ 311 ยูโร/MWh ในเดือน ส.ค. 65 เนื่องจากฤดูหนาวไม่รุนแรงและสต็อกมากเกินไป ตอนนี้เราเพิ่มประมาณการกำไรหลักปี 65- 67 ขึ้น 7.2- 45.7% และเพิ่ม TP 17% เป็น 41 บาท
ราคาก๊าซมีแนวโน้มลดลงในปี 2566
MINT มีรายได้จากโรงแรมในยุโรปคิดเป็นสัดส่วน 60% ดังนั้นจึงน่าจะได้รับอานิสงส์จากแนวโน้มราคาก๊าซที่ลดลง โดย MINTได้ป้องกันความเสี่ยง 65% ของต้นทุนก๊าซในปี 66 ในราคาที่ไม่เปิดเผย เราจึงไม่ทราบต้นทุนต่อเมกะวัตต์ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารเผยว่าต้นทุนก๊าซอาจอยู่ระหว่าง 5-6% ของยอดขายทั้งหมดในปี 66 และเราเคยคาดไว้ที่ 6% (ของยอดขายทั้งหมด) ส่งผลให้ SG&A ต่อยอดขายรวมลดลง 0.2ppt เป็น 0.6ppt สำหรับปี 66 และ 67 ดังนั้นกำไรจึงเพิ่มขึ้น ส่วนประเด็นจีนเปิดประเทศจีน เรามองว่า MINT น่าจะได้รับอานิสงส์น้อยที่สุดในกลุ่มท่องเที่ยวของไทยที่เราวิเคราะห์ เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเพียง 1% ของผู้เข้าพักในยุโรป ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด ขณะที่ในประเทศไทยคิดเป็น 17% แต่โรงแรมไทยมีสัดส่วนเพียง 10% ของรายได้โรงแรม ดังนั้น จึงอาจได้รับอานิสงส์เพียงเล็กน้อย
คาดกำไร 4Q65 ดีขึ้น QoQ
เราคาดว่า MINT จะมีกำไรหลักอยู่ที่ 2.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% QoQ และ 77% YoY โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในยุโรป เราประเมินอัตราการเข้าพักจะเพิ่มขึ้นเป็น 70% จาก 68% ในไตรมาส 3/65 สำหรับธุรกิจร้านอาหาร เราประเมินยอดขายสาขาเดิม (SSS) เติบโต 5% โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวในไทยและออสเตรเลียเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่ร้านอาหารในจีนอาจได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์
ความเสี่ยงที่สําคัญคือต้นทุนที่สูงขึ้น
เราใช้วิธี DCF, WACC 8.7%, Terminal Growth 3.3% ในการประเมินราคาหุ้น ความเสี่ยงที่สำคัญคือต้นทุนที่สูงขึ้น และภาวะถดถอยทั่วโลกที่อาจส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวทั่วโลก