บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

Action TRADING (Maintain)

TP upside (downside) -3.5%

Close Jan 19, 2023 Price (THB) 17.10

12M Target (THB) 16.50

Previous Target (THB) 16.50

What’s new?

  • คาดกำไรปกติ 4Q65 ที่ 442 ล้านบาท เติบโต YoY และ QoQ จาก 1) การควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้น YoY 2) อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจยางมะตอยและธุรกิจก่อสร้างที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น QoQ และ 3) ปัจจัยฤดูกาลของธุรกิจยางมะตอยทำให้ปริมาณขายฟื้นตัว QoQ
  • กำไรปกติ 1Q66 มีแนวโน้มเติบโต YoY จากอัตรากำไรขั้นต้นและปริมาณขายของธุรกิจยางมะตอยที่ฟื้นตัว รวมถึงอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจก่อสร้างที่เติบโตต่อเนื่อง

Our view

  • คงคำแนะนำ “TRADING” ที่ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2566 ที่ 16.50 บาท/หุ้น มี Downside ราว -3.5%
  • TASCO มีประเด็นการเก็งกำไร 3 ประเด็น คือ 1) การออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ซึ่งอาจส่งผลให้จีนมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมากขึ้น (หนุนราคาขายและปริมาณขายของยางมะตอย) 2) การหา Partner เพื่อทำสัญญาซื้อขายน้ำมันดิบในระยะยาว (ลดความเสี่ยงด้าน Supply) และ 3) การยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรเวเนซุเอลาของสหรัฐฯ

TIPCO ASPHALT คาดกำไรปกติ 4Q65 เติบโต YoY และ QoQ

คาดกำไรปกติ 4Q65 เติบโต YoY และ QoQ หลังราคาขายยางมะตอยยังสูง

คาดกำไรปกติ 4Q65 ที่ 442 ล้านบาท (+16% QoQ, +85% YoY) โดยการเติบโตเด่น YoY มีสาเหตุหลักมาจาก 1) คาดการควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ค่าใช้จ่าย SG&A ลดลง -4% YoY และ 2) ค่าใช้จ่ายทางภาษีที่ลดลงมาอยู่ในระดับ 125 ล้านบาท จาก 335 ล้านบาทใน 4Q64 ขณะที่การฟื้นตัว QoQ เป็นเพราะ 1) คาดการเริ่มเข้าสู่ช่วง High Season ของอุตสาหกรรมยางมะตอยในประเทศ (หลังมีการอนุมัติงบประมาณประจำปีของรัฐบาล) ทำให้ปริมาณขายยางมะตอยฟื้นตัว 2) ราคาขายยางมะตอยในภูมิภาคที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงจะส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจยางมะตอยขึ้น QoQ และอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจก่อสร้างมีโอกาสปรับตัวขึ้นเล็กน้อย QoQ เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ส่วนงานปูผิวถนน ซึ่งเป็นความเชี่ยวชาญของบริษัทฯ หากกำไรปกติ 4Q65 ออกมาใกล้เคียงคาดจะส่งผลให้ประมาณการปี2565 ของเรามี Upside ราว 3%

กำไรปกติ 1Q66 มีแนวโน้มเติบโต YoY จากฐานที่ต่ำในปีก่อน

เบื้องต้นคาดกำไรปกติ 1Q66 เติบโต YoY ได้ต่อเนื่องจากฐานที่ต่ำใน 1Q65 เนื่องจาก 1) อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจยางมะตอยมีโอกาสขยายตัว YoY จากราคาขายยางมะตอยที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง และต้นทุนน้ำมันดิบที่มีแนวโน้มปรับตัวลง 2) ปริมาณขายยางมะตอยใน 1Q66 มีแนวโน้มเติบโต YoY หลังบริษัทฯ มีน้ำมันดิบเพียงพอสำหรับการผลิตในช่วง 1Q66 และสามารถหาซื้อน้ำมันดิบได้อย่างต่อเนื่อง (ไม่จำเป็นต้องลดปริมาณการผลิต) ต่างจากช่วง 1Q65 ที่มีการชะลอการผลิต เพราะน้ำมันในคลังมีจำกัด และราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกอยู่ในระดับสูง (การซื้อน้ำมันดิบเข้ามาในช่วงเวลาดังกล่าวไม่คุ้มทุน) ขณะที่ภาพ QoQ คาดกำไรปกติ 1Q66 ลดลงเล็กน้อย QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล (Low Season ของธุรกิจในต่างประเทศ)

คงคำแนะนำ “TRADING” ที่ราคาเหมาะสม 16.50 บาท/หุ้น

คงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2566 ที่ 16.50 บาท/หุ้น มี Downside ราว -3.5% คงคำแนะนำ “TRADING” โดย TASCO มีประเด็นการเก็งกำไร 3 ประเด็นหลักคือ 1) การออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีน ในช่วง 1H66 อาจส่งผลให้มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจากทางการจีนมากขึ้น และทำให้ปริมาณความต้องการใช้ยางมะตอยในภูมิภาคเอเชียสูงขึ้น เป็นบวกกับราคาขายและปริมาณขายของธุรกิจยางมะตอยของบริษัทฯ 2) บริษัทฯกำลังอยู่ระหว่างการหา Partner เพื่อทำสัญญาซื้อขายน้ำมันดิบในระยะยาวเพื่อลดความเสี่ยงด้าน Supply (คาดมีความชัดเจนมากขึ้นภายในปี 2566) และ 3) การยกเลิกมาตรการคว่ำ บาตรของสหรัฐฯต่อเวเนซุเอลา โดยในกรณีที่บริษัทฯ สามารถกลับไปใช้น้ำมันดิบจากประเทศเวเนซุเอลาได้ จะทำให้กำไรของบริษัทฯเข้าสู่รอบของการฟื้นตัว (มีโอกาสทำให้ราคาเหมาะสมเพิ่มขึ้นไปอยู่ในระดับ 24 บาท +/-)

 

- Advertisement -