Daily Focus: Defensive and Earnings Play

2023SET Target: 1760

ตลาดหุ้นวานนี้: SET Index แกว่งตัว Sideways ได้ในช่วงแรก แต่ไหลลงแรงและถูกถ่วงจากกลุ่มธนาคารเป็นหลักหลัง KBANK ประกาศกำไร 4Q22 ออกมาแย่กว่าคาดมาก กดดันให้ดัชนีปิดลบถึง 11.23 จุด โดยสถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหนาแน่น 4.2 พันลบ.และ 2.9 พันลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติ Short Index Futures สูงถึง 2.5 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้: เราคาด SET Index แกว่ง Sideways ในกรอบ 1,670-1,685 จุด กลุ่มธนาคารคาดว่ายังถ่วงตลาดหลังประกาศกำไร 4Q22 โดยรวมออกมาต่ำกว่าคาดอย่างมีนัยยะ กดดันความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวของทั้งเศรษฐกิจและกำไรบจ.โดยเฉพาะกลุ่มฐานลูกค้า ระดับกลาง-ล่าง อย่างไรก็ตาม กลุ่มพลังงานคาดว่ายังประคองตลาดได้ต่อจากราคาน้ำมันดิบที่ยังขยับขึ้น จากความคาดหวังว่า Demand จะดีขึ้นจากจีนเปิดประเทศ อย่างไรก็ตาม มูลค่าการซื้อขายคาดเบาบางเนื่องจากหลายตลาดในเอเชียปิดทำการหลายวันในสัปดาห์นี้เนื่องในเทศกาลตรุษจีน ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามสัปดาห์นี้คือตัวเลขส่งออกเดือน ธ.ค. และโดยเฉพาะการประชุมกนง.วันที่ 25 ม.ค. รวมถึงการทยอยประกาศกำไร 4Q22 ของกลุ่ม Real Sector ที่จะตามออกมา แม้ระยะสั้นตลาดจะพักตัวสร้างฐานแต่เรายังมองบวกต่อเศรษฐกิจไทยที่ทยอยฟื้นตัวตลอดปี 2023 รวมถึงการเลือกตั้งที่ใกล้จะเกิดขึ้น จึงยังมองเป็นโอกาสสะสมกลุ่ม Domestic Play รวมถึงเน้นเก็งกำไรหุ้นที่คาดงบ 4Q22-2023 แข็งแรง

กลยุทธ์ : ระยะสั้นเก็งกำไรหุ้น Defensive และงบ 4Q22 แข็งแกร่ง // ระยะกลาง-ยาวสะสม Domestic และ Reopening Play ช่วงพักตัว

หุ้นเด่นเดือน ม.ค. : AAV, BCP, CENTEL, M, MAKRO

หุ้นเด่นวันนี้ : MAKRO

  • แนะนำ “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย 42 บาท
  • แนวโน้มผลการดำเนินงาน 4Q22 คาดฟื้นตัวแข็งแรง และทำจุดสูงสุดของปีจากการ Reopening และคาดเริ่มเห็นผลบวกจากการทยอยปรับธุรกิจร่วมกับ Lotus’s
  • แนวโน้มปี 2023 คาดฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยที่ต้องติดตามคือค่าไฟที่ปรับขึ้น แต่เรายังมอง SSSG ยังเติบโตได้และเห็น Synergy กับ Lotus’s มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีโอกาสถูกหยิบเข้าคำนวณดัชนีสำคัญอย่าง MSCI
  • แนวรับ 41.50//40 บาท แนวต้าน 43.50 บาท

Fund Flow : วันศุกร์กระแสเงินทุนไหลภูมิภาบางๆ US$136 ล้าน นำโดยเกาหลีใต้ US$190 ล้าน ขณะที่ตลาดหุ้นไต้หวันยังปิดทำการ ส่วนฝั่งอาเซียนไหลเข้าอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ประเทศละ US$12-22 ล้าน แต่ไหลออกจากไทยหนาแน่น US$88 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนวันนี้คาดไหลเข้าแต่เบาบาง เนื่องจากหลายตลาดปิดทำการเนื่องในเทศกาลตรุษจีน

ประเด็นสำคัญวันนี้

(-) กำไร 4Q22 กลุ่มธนาคารต่ำกว่าคาด โดย 7 ธนาคารที่เราศึกษาประกาศกำไรสุทธิ 4Q22 ที่ 3.3 หมื่นลบ. -26% q-q, -7% y-y ต่ำกว่าตลาดคาดถึง 23% หลักๆ เกิดจาก KBANK (ตั้งสำรองสูงขึ้นมากเพื่อรองรับหนี้เสียใหม่จากความเสี่ยงของเศรษฐกิจ) SCB (ค่าใช้จ่ายเพิ่มจากการปรับโครงสร้างองค์กร) KKP (สำรองเพิ่มจากธุรกรรมการซื้อขายหุ้น) มีเพียง TTB ที่กําไรดีกว่าคาด ด้านรายได้ดอกเบี้ยเติบโตดีขึ้น ทุกธนาคารตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยในตลาดที่ปรับขึ้น ทำให้ NIM โดยรวมดีขึ้น รายได้ค่าธรรมเนียมในส่วนที่เกี่ยวกับตลาดทุนลดลงตาม ภาวะตลาด งบดุลโดยรวมแข็งแกร่ง งบ 4Q22 สะท้อนว่าธนาคารยังคงมีความระมัดระวังสูง โดยเฉพาะลูกค้าระดับกลาง-ล่าง ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบาง เรายังคงชอบ BBL (ราคาเป้าหมาย 170 บาท), KTB (ราคาเป้าหมาย 21.20 บาท) ที่มีพอร์ตลูกค้าขนาดใหญ่ NPL ต่ำ Coverage ratio สูง

(+) NOBLE คาดกำไร 4Q22 แข็งแกร่งราว 400-500 ลบ. โตก้าวกระโดดจาก 3Q22 ที่มีกำไร 139 ลบ.และขาดทุนใน 4Q21 หนุนจากยอดโอนคอนโดเดิมที่เร่งขึ้น รวมถึงเริ่มโอนคอนโดใหม่ 3 แห่ง แต่จากช่วง 1H22 ที่มีผลขาดทุนกดดันชั่วคราว ทำให้กำไรทั้งปี 2022 คาดจบที่ 446 ลบ. -34% y-y แนวโน้มปี 2023 คาดว่ายังเห็นโมเมนตัมการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง คาดกำไร +142% y-y โดย NOBLE มีแผนเปิดโครงการใหม่รวม 10 โครงการมูลค่ากว่า 2.3 หมื่นลบ. และได้อานิสงส์จากจีนเปิดประเทศซึ่งหนุน Demand จากกลุ่มลูกค้าต่างชาติ เราประเมิน ราคาเป้าหมายที่ 6.40 บาท คาดให้ Dividend Yield ปี 2023 ที่ 8.4% แนะนำ “ซื้อ”

(+) IPO ใหม่ BVG เป็นหนึ่งในผู้นำด้านบริการเคลมของธุรกิจประกันภัยรถยนต์และสุขภาพ มีลูกค้าและเครือข่ายคู่ค้ำประกันภัยที่แข็งแกร่ง มีส่วนแบ่งตลาดกว่า 41% โดยมีแผนในการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลและระบบจัดการสินไหมทดแทนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อลดต้นทุน รวมถึงสามารถต่อยอดธุรกิจในต่างประเทศ เราคาดกำไรปี 20233+ 16% y-y และ +20% y-y ในปี 2023 เราประเมินราคาเป้าหมายที่ 4.48 บาท และคาด Dividend Yield ต่อปีราว 3-4% (Finansia อาจเป็นผู้จัดจำหน่ายฯ)

 

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 330.93 จุด หรือ +1.00% ปิดที่ 33,375.49 จุด จากผลประกอบการรายไตรมาสได้ช่วยหนุนหุ้นเน็ตฟลิกซ์ และหุ้นอัลฟาเบท ปรับตัวขึ้น

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก ได้แรงหนุนจากการที่จีนเปิดประเทศ ขณะที่นักลงทุนจับตามองการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน

(+) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวก ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ

(+) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 32.63 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 98 เซนต์ หรือ 1.22% ปิดที่ 81.31 ดอลลาร์/บาร์เรล ได้แรงหนุนจาก Demand จีน หลังยกเลิกมาตรการควบคุม Covid-19 ในขณะที่เช้านี้ปรับขึ้นต่อที่ระดับ 81.37 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.07%

(+) ราคาทองคํา COMEX เพิ่มขึ้น 4.3 ดอลลาร์ หรือ 0.22% ปิดที่ 1,928.2 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการคาดการณ์ว่า FED จะชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในขณะที่เช้านี้ปรับขึ้นต่อที่ระดับ 1,932.1 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ +0.20%

SPDR Gold Trust ถือครองทองค่า 917.05 / +4.63

- Advertisement -